By : C. Methas – Managing Editor
ค่ายฟอร์ด มอเตอร์สเป็นอีกค่ายที่ได้เข้าร่วมประมูลการผลิตรถจี๊ฟในครั้งนั้น ต่อมาทั้งค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สและฟอร์ด มอเตอร์สได้รับใบสั่งซื้อด้วยเช่นกัน รวมทั้ง 3 ค่ายได้ผลิตรถจี๊ฟสำหรับกองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทางฟอร์ด มอเตอร์สและวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้พิมพ์เขียวรถ GPV ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสหรัฐอเมริกา
รถจี๊ฟของค่ายฟอร์ด มอเตอร์สใช้ชื่อว่า Pygmy ส่วนรถจี๊ฟจากค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สใช้ชื่อว่า Quad วางเครื่องยนต์ แบบ 4 สูบแถวเรียง ให้แรงม้าสูงสุด 60 แรงม้าซึ่งในท้ายที่สุดกองทัพสหรัฐอเมริกาได้เลือกให้ค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สเป็นผู้ผลิตรถจี๊ฟเป็นบริษัทหลักป้อนให้กับกองทัพโดยฟอร์ด มอเตอร์สเป็นผู้ผลิตรอง
ขณะที่บริษัท อเมริกัน แบนตั้มถูกยกเลิกไปเนื่องจากกองทัพรู้สึกว่าโรงงานมีขนาดเล็กไม่ทันสมัย ขาดอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะผลิตรถจี๊ฟป้อนให้กับกองทัพได้จำนวนมาก ๆ ทันตามกำหนดและได้ส่งรถจี๊ฟที่บริษัทอเมริกัน แบนตั้มออกแบบไปให้กับวิลลี่ โอเวอร์แลนด์และฟอร์ดโดยนำไปปรับแปรและโมดิฟายบางส่วน
ในที่สุดรถจี๊ฟของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้กลายเป็นรถจี๊ฟที่โดดเด่นเป็นพิเศษจากการปรับแปรของ Delmar “Barney” Roos ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์โดยน้ำหนักรถเปล่าปรับเป็นสูงสุด 1,275 ปอนด์หรือ 578 กิโลกรัมภายใต้รหัสรุ่น MB ที่ผลิตสร้างจากโรงงานในโทเลโด, โอโฮโอ
ส่วนฟอร์ด มอเตอร์สสร้างรถจี๊ฟรุ่น GPW (G=Government Vehicle, P designated the 80” wheelbase, and W=the Willys engine design) จากรถจี๊ฟต้นแบบที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท อเมริกัน แบนตั้มและได้ผลิตป้อนให้กับกองทัพสหรัฐอเมริการวม 2,700 คันภายใต้รหัสรุ่น BRC-40
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รถจี๊ฟได้รับความนิยมอย่างสูงจนกระทั่งค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้พัฒนาเป็นรถจี๊ฟสำหรับพลเรือนซึ่งได้พัฒนาออกมาหลากหลายรูปแบบและในปีค.ศ. 1953 ไกเซอร์ เฟรเซอร์ได้เข้าไปซื้อกิจการของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สโดยยังใช้ชื่อบริษัทวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สเช่นเดิม
จนกระทั่งปีค.ศ. 1963 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Kaiser Jeep International Corporation และต่อมาในปีค.ศ. 1970 ได้ขายกิจการไปให้กับ AMC (American Motor Corporation ปัจจุบันรถจี๊ฟได้เข้าไปอยู่ในฝ่ายหนึ่งของไครสเลอร์ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของกลุ่มเฟี๊ยต
By : C. Methas - Managing Editor
ค่ายฟอร์ด มอเตอร์สเป็นอีกค่ายที่ได้เข้าร่วมประมูลการผลิตรถจี๊ฟในครั้งนั้น ต่อมาทั้งค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สและฟอร์ด มอเตอร์สได้รับใบสั่งซื้อด้วยเช่นกัน รวมทั้ง 3 ค่ายได้ผลิตรถจี๊ฟสำหรับกองทัพสหรัฐอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทางฟอร์ด มอเตอร์สและวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้พิมพ์เขียวรถ GPV ซึ่งเป็นทรัพย์สินของสหรัฐอเมริกา
รถจี๊ฟของค่ายฟอร์ด มอเตอร์สใช้ชื่อว่า Pygmy ส่วนรถจี๊ฟจากค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สใช้ชื่อว่า Quad วางเครื่องยนต์ แบบ 4 สูบแถวเรียง ให้แรงม้าสูงสุด 60 แรงม้าซึ่งในท้ายที่สุดกองทัพสหรัฐอเมริกาได้เลือกให้ค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สเป็นผู้ผลิตรถจี๊ฟเป็นบริษัทหลักป้อนให้กับกองทัพโดยฟอร์ด มอเตอร์สเป็นผู้ผลิตรอง
![](http://www.carrushome.com/media/2018/01/4-4-3.jpg)
ขณะที่บริษัท อเมริกัน แบนตั้มถูกยกเลิกไปเนื่องจากกองทัพรู้สึกว่าโรงงานมีขนาดเล็กไม่ทันสมัย ขาดอุปกรณ์และเครื่องมือต่าง ๆ ที่จะผลิตรถจี๊ฟป้อนให้กับกองทัพได้จำนวนมาก ๆ ทันตามกำหนดและได้ส่งรถจี๊ฟที่บริษัทอเมริกัน แบนตั้มออกแบบไปให้กับวิลลี่ โอเวอร์แลนด์และฟอร์ดโดยนำไปปรับแปรและโมดิฟายบางส่วน
ในที่สุดรถจี๊ฟของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้กลายเป็นรถจี๊ฟที่โดดเด่นเป็นพิเศษจากการปรับแปรของ Delmar “Barney” Roos ผู้อำนวยการฝ่ายวิศวกรรมของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์โดยน้ำหนักรถเปล่าปรับเป็นสูงสุด 1,275 ปอนด์หรือ 578 กิโลกรัมภายใต้รหัสรุ่น MB ที่ผลิตสร้างจากโรงงานในโทเลโด, โอโฮโอ
ส่วนฟอร์ด มอเตอร์สสร้างรถจี๊ฟรุ่น GPW (G=Government Vehicle, P designated the 80” wheelbase, and W=the Willys engine design) จากรถจี๊ฟต้นแบบที่ออกแบบและพัฒนาขึ้นโดยบริษัท อเมริกัน แบนตั้มและได้ผลิตป้อนให้กับกองทัพสหรัฐอเมริการวม 2,700 คันภายใต้รหัสรุ่น BRC-40
หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 รถจี๊ฟได้รับความนิยมอย่างสูงจนกระทั่งค่ายวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สได้พัฒนาเป็นรถจี๊ฟสำหรับพลเรือนซึ่งได้พัฒนาออกมาหลากหลายรูปแบบและในปีค.ศ. 1953 ไกเซอร์ เฟรเซอร์ได้เข้าไปซื้อกิจการของวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สโดยยังใช้ชื่อบริษัทวิลลี่ โอเวอร์แลนด์ มอเตอร์สเช่นเดิม
จนกระทั่งปีค.ศ. 1963 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น Kaiser Jeep International Corporation และต่อมาในปีค.ศ. 1970 ได้ขายกิจการไปให้กับ AMC (American Motor Corporation ปัจจุบันรถจี๊ฟได้เข้าไปอยู่ในฝ่ายหนึ่งของไครสเลอร์ซึ่งอยู่ในเครือข่ายของกลุ่มเฟี๊ยต
![](http://www.carrushome.com/media/2018/01/4-7-2.jpg)