By : C. Methas – Managing Editor
ทอร์นาโด เครื่องบินรบจากผลงานความร่วมมือของกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันตก ปัจจุบันได้ผลิตออกมาทั้งหมดรวม 5 รุ่นด้วยกัน เป็นเครื่องบินโจมตีทางอากาศที่สามารถปฏิบัติการได้หลายภารกิจ ทั้งการสนับสนุน, การรุกโจมตีและการป้องกัน
รุ่น GR1A ออกแบบเป็นเครื่องสำหรับการลาดตระเวนทางยุทธวิธี รุ่น GR1B สำหรับการโจมตีระยะไกลทางทะเล รุ่น F3 สำหรับบินป้องกันระยะไกลและรุ่น GR4 พัฒนายกระดับจากรุ่น GR1 ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน
ทอร์นาโดเข้าประจำการในปี 1980 และได้ยุติการผลิตลงเมื่อปี 1998 ผลิตโดย Panavia ร่วมกับ BAE System, EADS (ก่อนหน้านี้เป็นผู้ผลิตยานอวกาศของเดมเลอร์-ไครสเลอร์) และ Alenia
Tornado สามารถปฏิบัติการได้ทั้งการโจมตีทางอากาศและทางทะเล เข้าประจำการทั้งในกองทัพอากาศและกองทัพเรือของเยอรมนีจำนวน 290 ลำ, กองทัพอากาศอิตาลี 90 ลำ กองทัพอากาศอังกฤษ 186 ลำและกองทัพอากาศซาอุดิอาราเบีย 96 ลำ ติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์เทคโนโลยี่ระดับสูง และระบบป้องกันขณะบินระยะต่ำ สามารถปฎิบัติการได้ในทุกสภาพอากาศทั้งกลางวันและกลางคืน และโจมตีเข้าลึกไปในพื้นที่ของศัตรูโดยมีระบบป้องกันการตรวจจับจากเรดาร์
อาวุธประจำเครื่องออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนตามสมรภูมิได้หลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วยปืนขนาด 25 มิลลิเมตรจำนวน 2 ชุด ระเบิด ระเบิดกระจาย ระเบิดนำวิถี และมีเรดาร์ป้องกันการถูกโจมตีจากขีปนาวุธ ในส่วนของขีปนาวุธ ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีอินฟาเรด ที่พัฒนาโดย BGT
ระบบนำร่องผ่านดาวเทียมปรับปรุงใหม่และอาวุธนำวิถีด้วยเรเซอร์และขีปนาวุธ Storm Shadow
ภายในห้องนักบินรุ่น GR4 ปรับปรุง Head-up-display แบบมัลติฟังก์ชั่นและแผนที่ดิจิตอล และระบบนำร่องเรเซอร์ใหม่ ให้ความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมายด้วยขีปนาวุธ และปรับปรุงระบบป้องกันการโจมตีจากขีปนาวุธ
ทอร์นาโดได้เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในสงครามอ่าวช่วง Operation Iraq Freedom เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2003
รุ่น GR1B ที่ออกแบบสำหรับการปฏิบัติการทางทะเล ได้ปรับปรุงในส่วนของเทคโนโลยี่ล่องหนและระบบควบคุมการบินใหม่ เสริมขีปนาวุธต่อต้านเรือ Sea Eagle จำนวน 4 ชุด และสามารถปฏิบัติการระยะไกลกว่า 400 ไมล์
รูปทรงตัวเครื่องออกแบบให้มีความคล่องตัวสูง ปีกสามารถปรับองศาได้ เครื่องยนต์เทอร์โบแฟนจำนวน 2 เครื่อง สมรรถนะการทำความเร็วสูงสุด 800 น๊อต โดยมีน้ำหนักเครื่องเปล่าเท่ากับ 14,500 กิโลกรัม
By : C. Methas - Managing Editor
ทอร์นาโด เครื่องบินรบจากผลงานความร่วมมือของกลุ่มประเทศในยุโรปตะวันตก ปัจจุบันได้ผลิตออกมาทั้งหมดรวม 5 รุ่นด้วยกัน เป็นเครื่องบินโจมตีทางอากาศที่สามารถปฏิบัติการได้หลายภารกิจ ทั้งการสนับสนุน, การรุกโจมตีและการป้องกัน
รุ่น GR1A ออกแบบเป็นเครื่องสำหรับการลาดตระเวนทางยุทธวิธี รุ่น GR1B สำหรับการโจมตีระยะไกลทางทะเล รุ่น F3 สำหรับบินป้องกันระยะไกลและรุ่น GR4 พัฒนายกระดับจากรุ่น GR1 ซึ่งเป็นรุ่นพื้นฐาน
ทอร์นาโดเข้าประจำการในปี 1980 และได้ยุติการผลิตลงเมื่อปี 1998 ผลิตโดย Panavia ร่วมกับ BAE System, EADS (ก่อนหน้านี้เป็นผู้ผลิตยานอวกาศของเดมเลอร์-ไครสเลอร์) และ Alenia
Tornado สามารถปฏิบัติการได้ทั้งการโจมตีทางอากาศและทางทะเล เข้าประจำการทั้งในกองทัพอากาศและกองทัพเรือของเยอรมนีจำนวน 290 ลำ, กองทัพอากาศอิตาลี 90 ลำ กองทัพอากาศอังกฤษ 186 ลำและกองทัพอากาศซาอุดิอาราเบีย 96 ลำ ติดตั้งอุปกรณ์เซ็นเซอร์เทคโนโลยี่ระดับสูง และระบบป้องกันขณะบินระยะต่ำ สามารถปฎิบัติการได้ในทุกสภาพอากาศทั้งกลางวันและกลางคืน และโจมตีเข้าลึกไปในพื้นที่ของศัตรูโดยมีระบบป้องกันการตรวจจับจากเรดาร์
อาวุธประจำเครื่องออกแบบให้สามารถปรับเปลี่ยนตามสมรภูมิได้หลากหลายรูปแบบ ประกอบด้วยปืนขนาด 25 มิลลิเมตรจำนวน 2 ชุด ระเบิด ระเบิดกระจาย ระเบิดนำวิถี และมีเรดาร์ป้องกันการถูกโจมตีจากขีปนาวุธ ในส่วนของขีปนาวุธ ติดตั้งขีปนาวุธนำวิถีอินฟาเรด ที่พัฒนาโดย BGT
ระบบนำร่องผ่านดาวเทียมปรับปรุงใหม่และอาวุธนำวิถีด้วยเรเซอร์และขีปนาวุธ Storm Shadow
ภายในห้องนักบินรุ่น GR4 ปรับปรุง Head-up-display แบบมัลติฟังก์ชั่นและแผนที่ดิจิตอล และระบบนำร่องเรเซอร์ใหม่ ให้ความแม่นยำในการโจมตีเป้าหมายด้วยขีปนาวุธ และปรับปรุงระบบป้องกันการโจมตีจากขีปนาวุธ
ทอร์นาโดได้เข้าร่วมปฏิบัติภารกิจในสงครามอ่าวช่วง Operation Iraq Freedom เมื่อเดือนมีนาคม ปี 2003
รุ่น GR1B ที่ออกแบบสำหรับการปฏิบัติการทางทะเล ได้ปรับปรุงในส่วนของเทคโนโลยี่ล่องหนและระบบควบคุมการบินใหม่ เสริมขีปนาวุธต่อต้านเรือ Sea Eagle จำนวน 4 ชุด และสามารถปฏิบัติการระยะไกลกว่า 400 ไมล์
รูปทรงตัวเครื่องออกแบบให้มีความคล่องตัวสูง ปีกสามารถปรับองศาได้ เครื่องยนต์เทอร์โบแฟนจำนวน 2 เครื่อง สมรรถนะการทำความเร็วสูงสุด 800 น๊อต โดยมีน้ำหนักเครื่องเปล่าเท่ากับ 14,500 กิโลกรัม
