By : Saksithi Chompaisal – Foreign Editor
สปอร์ตอเนกประสงค์รุ่น Highlander ออกแบบรูปทรงภายนอกและภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมดที่ศูนย์ออกแบบของโตโยต้าที่ Calty Design Research เป็นสายพันธ์ที่ 4 ของรุ่น Highlander มีเวอร์ชั่นพลังงานไฮบริดให้เลือก
Highlander ได้นำระบบสื่อสารข้อมูลที่พัฒนาขึ้นใหม่ Toyota Entune พร้อมจอมอนิเตอร์ขนาด 6.1 นิ้วและโทรศัพท์บลูธูทสั่งการด้วยเสียงและมีลำโพง JBL จำนวน 12 ตัวให้เลือก รุ่นไฮบริดนำระบบควบคุมกระจายแรงบิด 50/50 ระหว่างหน้า/หลังเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
หลังคาซันรูฟบานใหญ่แบบพานอรามิค ติดแร็คบรรทุกสัมภาระเหนือหลังคา กระทะล้อขนาด 18 นิ้ว ยาง ขนาด P245/60R18 กรอบไฟหน้ารูปทรงเหลี่ยมเรียว แผงกระจังหน้าแนวนอน สปอยเลอร์หน้าติดตั้งไฟตัดหมอก เหนือหลังคาติดตั้งซันรูฟบานใหญ่ควบคุมการปรับด้วยไฟฟ้า
ภายในห้องโดยสารแบ่งออกเป็น 3 แถว ด้านท้ายมีระบบควบคุมการไหลเวียนอากาศแบบแยกส่วน เบาะที่นั่งด้านผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน คอนโซลกลางติดจอมอนิเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่น ติดตั้งระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกล ติดตั้งกล้องช่วยถอยเข้าจอดแสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์ขนาด 3.5 นิ้ว
เครื่องยนต์ ขนาด 2.7 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ VVT-I ขับแรงม้าสูงสุด 187 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 186 ปอนด์-ฟุตที่ 4,100 รอบต่อนาที
ส่วนรุ่นไฮบริดวางเครื่องยนต์ แบบ วี-6 สูบ ขนาด 3.5 ลิตร จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ VVT-I ปฏิบัติการร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีโหมดให้เลือก EV และ ECON ขับแรงม้าสูงสุดรวม 280 แรงม้า เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ ULEV-II แบตเตอรี่แบบนิเกิ้ล-เมทัล ไฮไดร์ด
เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าในรุ่นพื้นฐาน รุ่นท็อประบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะมีเกียร์อัตโนมัติ CVT ระบบพวงมาลัยแบบฟันเฟืองและตัวหนอน มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงควบคุมด้วยไฟฟ้า สามารถลาก-จูงน้ำหนักสูงสุด 5,000 ปอนด์
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังแบบปีกนกคู่ นอกจากนี้ได้ติดตั้งระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ในขณะขับขี่บนทางลาดชัน Downhill Assist Control และ Hill Start Assist Control
By : Saksithi Chompaisal - Foreign Editor
สปอร์ตอเนกประสงค์รุ่น Highlander ออกแบบรูปทรงภายนอกและภายในห้องโดยสารใหม่ทั้งหมดที่ศูนย์ออกแบบของโตโยต้าที่ Calty Design Research เป็นสายพันธ์ที่ 4 ของรุ่น Highlander มีเวอร์ชั่นพลังงานไฮบริดให้เลือก
Highlander ได้นำระบบสื่อสารข้อมูลที่พัฒนาขึ้นใหม่ Toyota Entune พร้อมจอมอนิเตอร์ขนาด 6.1 นิ้วและโทรศัพท์บลูธูทสั่งการด้วยเสียงและมีลำโพง JBL จำนวน 12 ตัวให้เลือก รุ่นไฮบริดนำระบบควบคุมกระจายแรงบิด 50/50 ระหว่างหน้า/หลังเพื่อประสิทธิภาพการขับขี่ด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา
หลังคาซันรูฟบานใหญ่แบบพานอรามิค ติดแร็คบรรทุกสัมภาระเหนือหลังคา กระทะล้อขนาด 18 นิ้ว ยาง ขนาด P245/60R18 กรอบไฟหน้ารูปทรงเหลี่ยมเรียว แผงกระจังหน้าแนวนอน สปอยเลอร์หน้าติดตั้งไฟตัดหมอก เหนือหลังคาติดตั้งซันรูฟบานใหญ่ควบคุมการปรับด้วยไฟฟ้า
ภายในห้องโดยสารแบ่งออกเป็น 3 แถว ด้านท้ายมีระบบควบคุมการไหลเวียนอากาศแบบแยกส่วน เบาะที่นั่งด้านผู้ขับขี่ปรับไฟฟ้าได้ 8 ทิศทาง พวงมาลัยแบบ 4 ก้าน คอนโซลกลางติดจอมอนิเตอร์แบบมัลติฟังก์ชั่น ติดตั้งระบบปรับตั้งความเร็วคงที่ขณะเดินทางไกล ติดตั้งกล้องช่วยถอยเข้าจอดแสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์ขนาด 3.5 นิ้ว
เครื่องยนต์ ขนาด 2.7 ลิตร แบบ 4 สูบแถวเรียง จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ VVT-I ขับแรงม้าสูงสุด 187 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 186 ปอนด์-ฟุตที่ 4,100 รอบต่อนาที
ส่วนรุ่นไฮบริดวางเครื่องยนต์ แบบ วี-6 สูบ ขนาด 3.5 ลิตร จำนวน 4 วาล์วต่อสูบ VVT-I ปฏิบัติการร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า มีโหมดให้เลือก EV และ ECON ขับแรงม้าสูงสุดรวม 280 แรงม้า เครื่องยนต์ผ่านมาตรฐานไอเสียระดับ ULEV-II แบตเตอรี่แบบนิเกิ้ล-เมทัล ไฮไดร์ด เครื่องยนต์วางด้านหน้า ระบบขับเคลื่อนล้อหน้าในรุ่นพื้นฐาน รุ่นท็อประบบขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะมีเกียร์อัตโนมัติ CVT ระบบพวงมาลัยแบบฟันเฟืองและตัวหนอน มีเพาเวอร์ช่วยผ่อนแรงควบคุมด้วยไฟฟ้า สามารถลาก-จูงน้ำหนักสูงสุด 5,000 ปอนด์
ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท ด้านหลังแบบปีกนกคู่ นอกจากนี้ได้ติดตั้งระบบช่วยควบคุมเสถียรภาพการขับขี่ในขณะขับขี่บนทางลาดชัน Downhill Assist Control และ Hill Start Assist Control
