เปิดเส้นทางใหม่ ไทย-หลวงพระบาง เพียง 3 ชม. ยกระดับคมนาคมขนส่งระหว่างประเทศ


ไทย–ลาว ร่วมมือกันสร้างถนนระยะทาง 114 กม. ด้วยงบเกือบ 2 พันล้าน ยกระดับการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ จากชายแดนน่าน–หลวงพระบาง ใช้เวลาเพียง 3 ชม. คาดกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย–ลาวอีก 10-20% ด้านรัฐบาลสปป.ลาว ชงลงทุนสะพานข้ามโขงอีก 1 พันล้าน

คุณพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) หรือ NEDA เปิดเผยว่า ได้ทำการเปิดใช้เส้นทางถนนสายใหม่จากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมน (เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สปป.ลาว ระยะทาง 114 กิโลเมตร วงเงิน 1,977 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการที่จุดผ่านแดนห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน และมีจุดสิ้นสุดที่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมยุทธศาสตร์การเป็นเมืองคู่แฝดระหว่าง จังหวัดน่าน และแขวงหลวงพระบาง อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ยังช่วยเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงโครงข่ายถนนใน สปป.ลาว ให้การเดินทางจากไทยไปยังกรุงฮานอยประเทศเวียดนาม ผ่านถนนหมายเลข 4 และ 6 ดังนั้นจึงคาดว่าเส้นทางแห่งนี้จะสามารถกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวได้ ของไทยและสปป.ลาว 10-20% อีกทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ อาทิ ชาวจีน ชาวเวียดนาม และชาวยุโรป

สำหรับโครงการก่อสร้างถนนจากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมน (เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สปป.ลาว แล้วเสร็จตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ล่าสุดทยอยเปิดใช้ไปบ้างแล้ว โดยเส้นทางดังกล่าวจะสามารถลดระยะเวลาเดินทางได้ 50% จาก จังหวัดน่าน-เมืองหลวงพระบาง จากเดิม 9 ชั่วโมง เหลือเพียง 5 ชั่วโมง หรือใช้เวลาจากด่านชายแดนห้วยโก๋น จังหวัดน่าน ไปยังเมืองหลวงพระบางเพียง 3 ชั่วโมง เป็นถนนลาดยาง 2 ช่องจราจร พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัย เช่น ไม้กั้นตามแนวทางโค้ง และทางลาดชันที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เป็นต้น

ด้านงบประมาณในการลงทุน NEDA ให้วงเงินช่วยเหลือจำนวน 1,977 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นเงินกู้ 1,581.60 ล้านบาท หรือ 80% ของวงเงินทั้งหมด โดยปลอดหนี้ 10 ปี ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ส่วนอีก 395.40 ล้านบาท เป็นเงินให้เปล่า ซึ่งการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องใช้สินค้าและบริการจากประเทศไทยไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าสัญญา

“หลังจากที่โครงการนี้แล้วเสร็จ ล่าสุดในระหว่างในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมาในประเทศไทยนั้น รัฐบาล สปป.ลาวได้ยื่นข้อเสนอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ร่วมกันพัฒนาโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงช่วงบ้านเชียงแมน-หลวงพระบาง ระยะทาง 600 เมตร วงเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบโครงการ คาดว่าจะใช้เวลาราว 12 เดือนก่อนเริ่มก่อสร้างโครงการภายใน 2 ปีนับจากนี้ เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการสัญจรระหว่าง จังหวัดน่าน-เมืองหลวงพระบาง ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น” คุณพีรเมศร์กล่าว

ด้านคุณแพง ดวงเงิน (Mr.Pheng Douangngeun) อธิบดีกรมขัวทาง (Department of roads) กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (Ministry of Public works and transport) กล่าวว่าเส้นทางนี้จะส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริง ยินดีที่ได้รับความสนับสนุนจากประเทศไทยในการพัฒนาถนนสายนี้ เพราะประชาชนมีความต้องการมานานแล้ว จากเดิมที่การสัญจรยากลำบาก อีกทั้งยังสามารถเปิดจุดท่องเที่ยวใหม่ได้ตามเส้นทาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ สปป.ลาว

ไทย–ลาว ร่วมมือกันสร้างถนนระยะทาง 114 กม. ด้วยงบเกือบ 2 พันล้าน ยกระดับการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศ จากชายแดนน่าน–หลวงพระบาง ใช้เวลาเพียง 3 ชม. คาดกระตุ้นการท่องเที่ยวไทย–ลาวอีก 10-20% ด้านรัฐบาลสปป.ลาว ชงลงทุนสะพานข้ามโขงอีก 1 พันล้าน

คุณพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) หรือ NEDA เปิดเผยว่า ได้ทำการเปิดใช้เส้นทางถนนสายใหม่จากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมน (เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สปป.ลาว ระยะทาง 114 กิโลเมตร วงเงิน 1,977 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศไทยและ สปป.ลาว โดยมีจุดเริ่มต้นโครงการที่จุดผ่านแดนห้วยโก๋น อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน และมีจุดสิ้นสุดที่เมืองหลวงพระบาง ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก อีกทั้งยังเป็นการส่งเสริมยุทธศาสตร์การเป็นเมืองคู่แฝดระหว่าง จังหวัดน่าน และแขวงหลวงพระบาง อีกด้วย

ขณะเดียวกัน ยังช่วยเพิ่มศักยภาพการเชื่อมโยงโครงข่ายถนนใน สปป.ลาว ให้การเดินทางจากไทยไปยังกรุงฮานอยประเทศเวียดนาม ผ่านถนนหมายเลข 4 และ 6 ดังนั้นจึงคาดว่าเส้นทางแห่งนี้จะสามารถกระตุ้นยอดนักท่องเที่ยวได้ ของไทยและสปป.ลาว 10-20% อีกทั้งยังดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ อาทิ ชาวจีน ชาวเวียดนาม และชาวยุโรป

สำหรับโครงการก่อสร้างถนนจากเมืองหงสา-บ้านเชียงแมน (เมืองจอมเพชร แขวงหลวงพระบาง) สปป.ลาว แล้วเสร็จตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา ล่าสุดทยอยเปิดใช้ไปบ้างแล้ว โดยเส้นทางดังกล่าวจะสามารถลดระยะเวลาเดินทางได้ 50% จาก จังหวัดน่าน-เมืองหลวงพระบาง จากเดิม 9 ชั่วโมง เหลือเพียง 5 ชั่วโมง หรือใช้เวลาจากด่านชายแดนห้วยโก๋น จังหวัดน่าน ไปยังเมืองหลวงพระบางเพียง 3 ชั่วโมง เป็นถนนลาดยาง 2 ช่องจราจร พร้อมระบบป้องกันความปลอดภัย เช่น ไม้กั้นตามแนวทางโค้ง และทางลาดชันที่ได้มาตรฐานความปลอดภัย เป็นต้น

ด้านงบประมาณในการลงทุน NEDA ให้วงเงินช่วยเหลือจำนวน 1,977 ล้านบาท ซึ่งแยกเป็นเงินกู้ 1,581.60 ล้านบาท หรือ 80% ของวงเงินทั้งหมด โดยปลอดหนี้ 10 ปี ดอกเบี้ย 1.5% ต่อปี ส่วนอีก 395.40 ล้านบาท เป็นเงินให้เปล่า ซึ่งการให้ความช่วยเหลือในครั้งนี้อยู่ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องใช้สินค้าและบริการจากประเทศไทยไม่น้อยกว่า 50% ของมูลค่าสัญญา

“หลังจากที่โครงการนี้แล้วเสร็จ ล่าสุดในระหว่างในการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ผ่านมาในประเทศไทยนั้น รัฐบาล สปป.ลาวได้ยื่นข้อเสนอให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของไทย ร่วมกันพัฒนาโครงการสะพานข้ามแม่น้ำโขงช่วงบ้านเชียงแมน-หลวงพระบาง ระยะทาง 600 เมตร วงเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างออกแบบโครงการ คาดว่าจะใช้เวลาราว 12 เดือนก่อนเริ่มก่อสร้างโครงการภายใน 2 ปีนับจากนี้ เมื่อดำเนินการเสร็จแล้วจะช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการสัญจรระหว่าง จังหวัดน่าน-เมืองหลวงพระบาง ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น” คุณพีรเมศร์กล่าว

ด้านคุณแพง ดวงเงิน (Mr.Pheng Douangngeun) อธิบดีกรมขัวทาง (Department of roads) กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง (Ministry of Public works and transport) กล่าวว่าเส้นทางนี้จะส่งเสริมการท่องเที่ยวและประชาชนได้ใช้ประโยชน์จริง ยินดีที่ได้รับความสนับสนุนจากประเทศไทยในการพัฒนาถนนสายนี้ เพราะประชาชนมีความต้องการมานานแล้ว จากเดิมที่การสัญจรยากลำบาก อีกทั้งยังสามารถเปิดจุดท่องเที่ยวใหม่ได้ตามเส้นทาง โดยเฉพาะการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติซึ่งถือเป็นจุดแข็งของ สปป.ลาว

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!