ทุนนอกทะลัก EEC ค่ายรถ-บ.ไฮเทคระดับโลกยันมาแน่


นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา มีความคืบหน้า หลายรายมีการตัดสินใจลงทุนจริง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่ล่าสุดได้รับแจ้งว่า มาสด้า ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ค่ายบีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลงทุนตั้งโรงงานแบตเตอรี่อีวี

ขณะที่อุตสาหกรรมอากาศยาน ล่าสุดแอร์เอเชีย เตรียมลงนามความร่วมมือกับอีอีซีเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) หลังจากแอร์บัสมีการลงนามความร่วมมือกับการบินไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนบริษัท ซาบ ผู้ผลิตเครื่องบินรบและพาณิชย์จากสวีเดน ซึ่งสนใจลงทุนในอีอีซี ก็ยังมีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมดิจิทัล ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับอาลีบาบาถึงความคืบหน้าการลงทุนในพื้นที่อีอีซี คาดว่าทางอาลีบาบาจะประกาศพื้นที่ลงทุนช่วง 1-2 เดือนจากนี้

ในส่วนของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ปีนี้จะมีบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทยเตรียมลงทุนด้านหุ่นยนต์รวมประมาณ 12,000 ล้านบาท อาทิ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) และมีบริษัทจากจีนสนใจลงทุน นอกจากนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุนเช่นกัน อาทิ ฮิราตะ กำลังหารืออยู่ รวมทั้งเดนโซ่ ที่นำระบบเข้ามาช่วยเหลืออุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของไทยอยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมกล้วยน้าไท และฮิตาชิ ที่ลงทุนด้านบิ๊กดาต้าในอีอีซี เพื่อให้บริการหน่วยงานรัฐและเอกชนในพื้นที่

“หลังจาก พ.ร.บ.อีอีซีผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ทำให้เอกชนทั้งไทยและต่างชาติเกิดความเชื่อมั่น แสดงความสนใจลงทุน ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กำลังเร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นการลงทุนเช่นกัน แต่ในการลงทุนทุกรูปแบบมีกรอบการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน อาทิ รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ) อยากให้ภาคประชาชนมั่นใจว่านโยบายนี้ไม่เพียงสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจแต่มีมาตรการดูแลประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดเช่นกัน” นายอุตตม กล่าว

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนที่มีความสนใจจะเข้าไปลงทุนในพื้นที่อีอีซีจำนวนมาก อาทิ นักลงทุนจากไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่มีความสนใจมาก เพราะไทยเป็นฐานการลงทุนและการผลิตหลักของนักลงทุนญี่ปุ่นในอาเซียน โดยการตัดสินใจลงทุนในพื้นที่อีอีซีนั้น น่าจะส่งผลให้นักลงทุนทยอยตัดสินใจลงทุนได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (เมษายน-มิถุนายน 2561) เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนยังรอพ.ร.บ.อีอีซี ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

“ในพื้นที่อีอีซีเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากเพราะมีความพร้อมด้านพื้นที่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กำลังลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการลงทุนของภาคเอกชนที่ทยอยเข้ามา และในอนาคตหากอีอีซีประสบความสำเร็จเชื่อว่าจะผลักดันให้จีดีพีของประเทศขยายตัวได้ถึง 5%” นายเจนกล่าว

นายอุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้การลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(อีอีซี) 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา มีความคืบหน้า หลายรายมีการตัดสินใจลงทุนจริง โดยเฉพาะอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ที่ล่าสุดได้รับแจ้งว่า มาสด้า ยื่นขอส่งเสริมการลงทุนรถยนต์ไฟฟ้า(อีวี) กับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(บีโอไอ)แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ค่ายบีเอ็มดับเบิลยู และเมอร์เซเดส-เบนซ์ ลงทุนตั้งโรงงานแบตเตอรี่อีวี

ขณะที่อุตสาหกรรมอากาศยาน ล่าสุดแอร์เอเชีย เตรียมลงนามความร่วมมือกับอีอีซีเพื่อลงทุนในโครงการพัฒนาธุรกิจซ่อมบำรุงอากาศยาน (เอ็มอาร์โอ) หลังจากแอร์บัสมีการลงนามความร่วมมือกับการบินไทยไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนบริษัท ซาบ ผู้ผลิตเครื่องบินรบและพาณิชย์จากสวีเดน ซึ่งสนใจลงทุนในอีอีซี ก็ยังมีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่อุตสาหกรรมดิจิทัล ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ได้หารือกับอาลีบาบาถึงความคืบหน้าการลงทุนในพื้นที่อีอีซี คาดว่าทางอาลีบาบาจะประกาศพื้นที่ลงทุนช่วง 1-2 เดือนจากนี้

ในส่วนของอุตสาหกรรมหุ่นยนต์ ปีนี้จะมีบริษัทเอกชนรายใหญ่ของไทยเตรียมลงทุนด้านหุ่นยนต์รวมประมาณ 12,000 ล้านบาท อาทิ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) และมีบริษัทจากจีนสนใจลงทุน นอกจากนี้ นักลงทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุนเช่นกัน อาทิ ฮิราตะ กำลังหารืออยู่ รวมทั้งเดนโซ่ ที่นำระบบเข้ามาช่วยเหลืออุตสาหกรรมหุ่นยนต์ของไทยอยู่ที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมกล้วยน้าไท และฮิตาชิ ที่ลงทุนด้านบิ๊กดาต้าในอีอีซี เพื่อให้บริการหน่วยงานรัฐและเอกชนในพื้นที่

“หลังจาก พ.ร.บ.อีอีซีผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้ทำให้เอกชนทั้งไทยและต่างชาติเกิดความเชื่อมั่น แสดงความสนใจลงทุน ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กำลังเร่งเดินหน้าโครงสร้างพื้นฐานเพื่อกระตุ้นการลงทุนเช่นกัน แต่ในการลงทุนทุกรูปแบบมีกรอบการดูแลสิ่งแวดล้อมและชุมชน อาทิ รายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) และรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(อีเอชไอเอ) อยากให้ภาคประชาชนมั่นใจว่านโยบายนี้ไม่เพียงสร้างความเจริญทางเศรษฐกิจแต่มีมาตรการดูแลประชาชนและสิ่งแวดล้อมอย่างเข้มงวดเช่นกัน” นายอุตตม กล่าว

นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีนักลงทุนที่มีความสนใจจะเข้าไปลงทุนในพื้นที่อีอีซีจำนวนมาก อาทิ นักลงทุนจากไต้หวัน จีน และญี่ปุ่น โดยเฉพาะนักลงทุนจากญี่ปุ่นที่มีความสนใจมาก เพราะไทยเป็นฐานการลงทุนและการผลิตหลักของนักลงทุนญี่ปุ่นในอาเซียน โดยการตัดสินใจลงทุนในพื้นที่อีอีซีนั้น น่าจะส่งผลให้นักลงทุนทยอยตัดสินใจลงทุนได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ (เมษายน-มิถุนายน 2561) เนื่องจากขณะนี้นักลงทุนยังรอพ.ร.บ.อีอีซี ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

“ในพื้นที่อีอีซีเป็นพื้นที่ที่นักลงทุนให้ความสนใจมากเพราะมีความพร้อมด้านพื้นที่ ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็กำลังลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการลงทุนของภาคเอกชนที่ทยอยเข้ามา และในอนาคตหากอีอีซีประสบความสำเร็จเชื่อว่าจะผลักดันให้จีดีพีของประเทศขยายตัวได้ถึง 5%” นายเจนกล่าว

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!