LOTUS EVORA 400-ซูเปอร์คาร์สไตล์โรดสเตอร์แรงสุดเร็วสุดของโลตัสและโหมด Race


By : Prapanpoth Nopakun – Graphic Design Advisor

โลตัสค่ายรถสปอร์ตสมรรถนะสูงเผยโฉมสปอร์ตซูเปอร์คาร์สไตล์โรดสเตอร์ รหัสรุ่น Evora 400 วางเครื่องยนต์ให้พลังแรงม้ามากที่สุดและทำความเร็วได้เร็วที่สุดของค่ายโลตัสพร้อมกับอาศัยเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์เน้นการลดน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ 22 กิโลกรัม
ออกแบบเพื่อผลทางด้านการกระจายน้ำหนักระหว่างด้านหน้าและด้านหลังให้เสถียรภาพการควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า วางเครื่องยนต์กลางลำ ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง

เครื่องยนต์ ขนาด 3.5 ลิตร แบบ วี-6 สูบติดซูเปอร์ชาร์จเป็นเครื่องจากโตโยต้า รหัส 2GR-FE อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 รีดแรงม้าสูงสุด 400 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 302 ปอนด์-ฟุตที่ 3,500 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตร 116 แรงม้าต่อลิตรและเฉลี่ยให้กำลังต่อน้ำหนัก 0.28 แรงม้าต่อกิโลกรัมมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 22 ไมล์ต่อแกลลอน นอกเมือง 40 ไมล์ต่อแกลลอน

สมรรถนะการทำความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในเวลา 4.1 วินาทีและทำความเร็วสูงสุด 186 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วางรูปแบบเครื่องยนต์วางกลางลำ ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดให้เลือก

นอกจากนี้มีโหมดให้เลือกสไตล์การขับขี่ 3 โหมด ประกอบด้วย Drive สำหรับการขับขี่ปกติ, Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตและโหมด Race สำหรับการขับขี่ในสนามแข่งซึ่งสปอร์ตซูเปอร์คาร์ของโลตัสรุ่นนี้ทำความเร็วต่อรอบที่สนามทดสอบของโลตัสที่ Hethel เร็วกว่ารุ่นก่อน 6 วินาที

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบปีกนกคู่อะลูมิเนียม โช๊คอัพแก๊สของ Bilstein สปริงขดของ Eibach และเหล็กกันโคลงพร้อมกับติดตั้งลิมิเต็ด สลิป ดิฟเฟอร์เรนเชียล

รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบโค้งมนต่อเนื่องตั้งแต่ด้านหน้าจดด้านท้ายเน้นด้านหลักอากาศพลศาสตร์ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.35 ให้ดาวน์ฟอร์ซ 32 กิโลกรัมที่ความเร็ว 150 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 242 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายอากาศ แผงสปอยเลอร์หน้ามีไฟกลางวันแบบ LED และช่องดักอากาศแยกซ้าย-ขวา

By : Prapanpoth Nopakun - Graphic Design Advisor

โลตัสค่ายรถสปอร์ตสมรรถนะสูงเผยโฉมสปอร์ตซูเปอร์คาร์สไตล์โรดสเตอร์ รหัสรุ่น Evora 400 วางเครื่องยนต์ให้พลังแรงม้ามากที่สุดและทำความเร็วได้เร็วที่สุดของค่ายโลตัสพร้อมกับอาศัยเทคโนโลยี่ด้านวัสดุศาสตร์เน้นการลดน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้ 22 กิโลกรัม ออกแบบเพื่อผลทางด้านการกระจายน้ำหนักระหว่างด้านหน้าและด้านหลังให้เสถียรภาพการควบคุมการขับขี่ที่ดีกว่า วางเครื่องยนต์กลางลำ ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง

เครื่องยนต์ ขนาด 3.5 ลิตร แบบ วี-6 สูบติดซูเปอร์ชาร์จเป็นเครื่องจากโตโยต้า รหัส 2GR-FE อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 รีดแรงม้าสูงสุด 400 แรงม้าที่ 7,000 รอบต่อนาทีและให้แรงบิดสูงสุด 302 ปอนด์-ฟุตที่ 3,500 รอบต่อนาที เฉลี่ยให้แรงม้าต่อลิตร 116 แรงม้าต่อลิตรและเฉลี่ยให้กำลังต่อน้ำหนัก 0.28 แรงม้าต่อกิโลกรัมมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับการขับขี่ในเมือง 22 ไมล์ต่อแกลลอน นอกเมือง 40 ไมล์ต่อแกลลอน

สมรรถนะการทำความเร็วจาก 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในเวลา 4.1 วินาทีและทำความเร็วสูงสุด 186 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมง วางรูปแบบเครื่องยนต์วางกลางลำ ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบถ่ายทอดกำลังเป็นแบบเกียร์ธรรมดา 6 สปีด มีเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดให้เลือก

นอกจากนี้มีโหมดให้เลือกสไตล์การขับขี่ 3 โหมด ประกอบด้วย Drive สำหรับการขับขี่ปกติ, Sport สำหรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตและโหมด Race สำหรับการขับขี่ในสนามแข่งซึ่งสปอร์ตซูเปอร์คาร์ของโลตัสรุ่นนี้ทำความเร็วต่อรอบที่สนามทดสอบของโลตัสที่ Hethel เร็วกว่ารุ่นก่อน 6 วินาที

ระบบกันสะเทือนเป็นแบบปีกนกคู่อะลูมิเนียม โช๊คอัพแก๊สของ Bilstein สปริงขดของ Eibach และเหล็กกันโคลงพร้อมกับติดตั้งลิมิเต็ด สลิป ดิฟเฟอร์เรนเชียล

รูปลักษณ์ภายนอกออกแบบโค้งมนต่อเนื่องตั้งแต่ด้านหน้าจดด้านท้ายเน้นด้านหลักอากาศพลศาสตร์ ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ 0.35 ให้ดาวน์ฟอร์ซ 32 กิโลกรัมที่ความเร็ว 150 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 242 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ฝากระโปรงหน้ามีช่องระบายอากาศ แผงสปอยเลอร์หน้ามีไฟกลางวันแบบ LED และช่องดักอากาศแยกซ้าย-ขวา

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!