โลกนั้นหมุนไปเร็วกว่าที่เราคิด แค่เวลาไม่นาน WHATCAR? Thailand ก็มีอายุครบ 7 ปีแล้ว เส้นทางธุรกิจด้านสื่อสารมวลชนมีการเปลี่ยนแปลงมากสุดเกินกว่าจะบรรยายได้ การเปิดโลกใหม่สู่ยุคดิจิตอลเป็นการพัฒนาจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ สำหรับประเทศไทยเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เรายังต้องเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แม้ว่าเราจะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านผลิตสื่อก็ไม่ได้ช่วยให้สามารถฝ่าวิกฤตการณ์นี้ได้อย่างง่ายดาย
จุดสิ้นสุดของสิ่งหนึ่งคือจุดเริ่มต้นของอีกสิ่งหนึ่ง ในขณะที่สื่อออฟไลน์เริ่มปิดตัวลง ก็มีสื่อใหม่เกิดขึ้นในด้านของออนไลน์ ความกลับด้านของกระแสโซเชียลมีเดียเข้ามาสร้างบทบาทใหม่กับสังคม ผู้คนเสพสื่อกันอย่างไม่เลือกท่ามกลางข้อมูลล้นเกลื่อน แต่ข้อเท็จจริงก็กลับโอนเอียงไปตามกระแส สังคมให้เครดิตกับเรื่องราวที่ห้อยโหนกระพือไปตามสายลมที่รุนแรงในโลกออนไลน์ ด้วยเครือข่ายระบบอินเตอร์เน็ตทำให้เราเชื่อมโลกเข้ามาไว้เพียงฝ่ามือ การพัฒนาก้าวกระโดดของเทคโนโลยียิ่งทำให้เราทุกคนง่ายในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด ฉะนั้นเราต้องเรียนรู้และไตร่ตรอง ไม่ใช่เป็นตกเป็นทาสของกระแสสังคม
การปรับตัวก่อนการเปลี่ยนแปลงมาเยือน หากการเปลี่ยนแปลงมาถึงเราก่อนคำเดียวคือตายแน่ หรือพูดให้ดีหน่อยก็คือรอวันตาย ในวันที่ WHATCAR? Thailand เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกเรามีเว็บไซต์มาด้วยพร้อมกัน และเราชัดเจนในแผนกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจที่ปลายทางมีมากกว่า 6 ช่องทาง ได้แก่ Content, Offline, Online, Event, Community และ Branding ทั้งหมดนี้เราได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวตามกระแสในเวลาที่เหมาะสม ทำให้มีสื่อที่หลากหลายช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทั้ง Offline, นิตยสาร, Online และยังต้องมี On ground สร้างกิจกรรมมาช่วยสร้างการรับรู้ การวางแผนทำ Content อย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้าง Branding คือหลักประกันความน่าเชื่อถือ
จุดยืนที่ชัดทำให้มองเห็นเป้าหมาย เนื้อหาคุณภาพเป็นจุดแข็งของ WHATCAR? Thailand เป็นจุดยืนที่เราไม่เคยเปลี่ยนและพัฒนาต่อเนื่องมาตลอด มีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วยระบบสากลจากประเทศอังกฤษ จากเนื้อหาต่างประเทศสู่การสร้างสรรค์เนื้อหาในประเทศ การก้าวเดินของเรามาครบ 7 ปี ไม่ได้ง่ายและยากเกินไป สำหรับเรา มันเป็นการเติบโตไปพร้อมความเปลี่ยนแปลง มันสอนให้เราต้องมองออกไปไกลกว่าเดิม สอนให้เป็นคนช่างสังเกตและรับฟังผู้บริโภคมากขึ้น ขอขอบคุณทุกท่านด้วยใจที่สนับสนุนตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
โลกนั้นหมุนไปเร็วกว่าที่เราคิด แค่เวลาไม่นาน WHATCAR? Thailand ก็มีอายุครบ 7 ปีแล้ว เส้นทางธุรกิจด้านสื่อสารมวลชนมีการเปลี่ยนแปลงมากสุดเกินกว่าจะบรรยายได้ การเปิดโลกใหม่สู่ยุคดิจิตอลเป็นการพัฒนาจากออฟไลน์มาเป็นออนไลน์ สำหรับประเทศไทยเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เรายังต้องเรียนรู้อะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย แม้ว่าเราจะมีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านผลิตสื่อก็ไม่ได้ช่วยให้สามารถฝ่าวิกฤตการณ์นี้ได้อย่างง่ายดาย
จุดสิ้นสุดของสิ่งหนึ่งคือจุดเริ่มต้นของอีกสิ่งหนึ่ง ในขณะที่สื่อออฟไลน์เริ่มปิดตัวลง ก็มีสื่อใหม่เกิดขึ้นในด้านของออนไลน์ ความกลับด้านของกระแสโซเชียลมีเดียเข้ามาสร้างบทบาทใหม่กับสังคม ผู้คนเสพสื่อกันอย่างไม่เลือกท่ามกลางข้อมูลล้นเกลื่อน แต่ข้อเท็จจริงก็กลับโอนเอียงไปตามกระแส สังคมให้เครดิตกับเรื่องราวที่ห้อยโหนกระพือไปตามสายลมที่รุนแรงในโลกออนไลน์ ด้วยเครือข่ายระบบอินเตอร์เน็ตทำให้เราเชื่อมโลกเข้ามาไว้เพียงฝ่ามือ การพัฒนาก้าวกระโดดของเทคโนโลยียิ่งทำให้เราทุกคนง่ายในการเข้าถึงแหล่งข้อมูลข่าวสารได้อย่างไร้ขีดจำกัด ฉะนั้นเราต้องเรียนรู้และไตร่ตรอง ไม่ใช่เป็นตกเป็นทาสของกระแสสังคม
การปรับตัวก่อนการเปลี่ยนแปลงมาเยือน หากการเปลี่ยนแปลงมาถึงเราก่อนคำเดียวคือตายแน่ หรือพูดให้ดีหน่อยก็คือรอวันตาย ในวันที่ WHATCAR? Thailand เกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งแรกเรามีเว็บไซต์มาด้วยพร้อมกัน และเราชัดเจนในแผนกลยุทธ์พัฒนาธุรกิจที่ปลายทางมีมากกว่า 6 ช่องทาง ได้แก่ Content, Offline, Online, Event, Community และ Branding ทั้งหมดนี้เราได้ศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับตัวตามกระแสในเวลาที่เหมาะสม ทำให้มีสื่อที่หลากหลายช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายทั้ง Offline, นิตยสาร, Online และยังต้องมี On ground สร้างกิจกรรมมาช่วยสร้างการรับรู้ การวางแผนทำ Content อย่างเหมาะสม รวมถึงการสร้าง Branding คือหลักประกันความน่าเชื่อถือ
จุดยืนที่ชัดทำให้มองเห็นเป้าหมาย เนื้อหาคุณภาพเป็นจุดแข็งของ WHATCAR? Thailand เป็นจุดยืนที่เราไม่เคยเปลี่ยนและพัฒนาต่อเนื่องมาตลอด มีกระบวนการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลด้วยระบบสากลจากประเทศอังกฤษ จากเนื้อหาต่างประเทศสู่การสร้างสรรค์เนื้อหาในประเทศ การก้าวเดินของเรามาครบ 7 ปี ไม่ได้ง่ายและยากเกินไป สำหรับเรา มันเป็นการเติบโตไปพร้อมความเปลี่ยนแปลง มันสอนให้เราต้องมองออกไปไกลกว่าเดิม สอนให้เป็นคนช่างสังเกตและรับฟังผู้บริโภคมากขึ้น ขอขอบคุณทุกท่านด้วยใจที่สนับสนุนตลอด 7 ปีที่ผ่านมา
