BRAZIL-ประเทศใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้ “ดินแดนแห่งนกแก้ว” วัฒนธรรมผสมผสาน


By : C. Methas – Managing Editor

ประเทศบราซิลมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล” มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ชาวบราซิลเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่ให้ความนิยมกีฬาฟุตบอลเป็นกรณีพิเศษ อาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านมากถึง 9 ประเทศและอีก 1 แคว้นคือแคว้นเฟรนซ์เกียนของฝรั่งเศส อาณาเขตติดต่อกับทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ยกเว้นประเทศเอกวาดอร์และชิลีซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีเนื้อที่ครอบคลุมถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของทวีปอเมริกาใต้

ส่วนคำว่า “บราซิล” มาจากชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “บราซิลวูด” ที่นำไปใช้ย้อมผ้าจากสีแดงของเปลือกไม้ ในภาษาปอร์ตุเกสเรียกว่า pau-brasil ซึ่งมีคุณค่าสูงสำหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าของยุโรปจนกลายเป็นธุรกิจที่ผลิตจากบราซิล

สำหรับชื่ออย่างเป็นทางการที่ปอร์ตุเกสมีบันทึกไว้ในยุคแรกที่เข้ายึดครองได้เรียกบราซิลว่า “ดินแดนแห่งกางเขนศักดิ์สิทธิ์” แต่พวกกะลาสีเรือของยุโรปและพ่อค้าเรียกสั้น ๆ ว่า “ดินแดนแห่งบราซิล” อันเนื่องมาจากการค้าไม้บราซิล บางครั้งพวกกะลาสีเรือเรียกว่า “ดินแดนแห่งนกแก้ว” เนื่องจากป่าดงดิบในบราซิลมีนกแก้วจำนวนมากที่มีสีสันโดดเด่น

บราซิลมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 8.51 ล้านตารางกิโลเมตร ประชากรประมาณ 187 ล้านคนมีหลากหลายเชื้อชาติและหลายเผ่าพันธ์ ชาวยุโรปได้เข้ามายึดครองเมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีประชากรเชื้อสายยุโรปมากที่สุดประมาณ 53.7 เปอร์เซ็นต์และลูกผสมระหว่างชาวยุโรปกับชาวพื้นเมืองราว 38.5 เปอร์เซ็นต์ ภาษาราชการที่ใช้เป็นภาษาปอร์ตุเกส

ประเทศบราซิลมีเมืองขนาดใหญ่ 10 เมือง กรุงบราซิเลียเป็นเมืองหลวงล่าสุด แต่เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของบราซิลโดยมีเมืองเซาเปาโลใหญ่เป็นอันดับ 1 เมืองริโอ เดอ จา เนโรติดอันดับ 3 และเมืองซัลวาดอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ประเทศบราซิลมีการเปลี่ยนเมืองหลวงมา 3 ครั้ง
วันที่ 21 เมษายน ปีค.ศ. 1960 กรุงบราซิเลียได้รับสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงของประเทศแทนกรุงริโอ เดอ จา เนโรซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิลระหว่างปีค.ศ. 1763-1960 โดยก่อนหน้านี้กรุงซัลวาดอร์เคยเป็นเมืองหลวงมาก่อนในช่วงปีค.ศ. 1549-1763

กรุงบราซีเลียได้รับการออกแบบผังเมืองอย่างเป็นระบบระเบียบเช่นเดียวกับกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในสหรัฐฯ และกรุงแคนเบอร์ราของประเทศออสเตรเลีย ถ้าหากดูผังเมืองบราซิเลียทางอากาศจะเห็นเป็นรูปเครื่องบิน

วัฒนธรรมของชาวบราซิลมีความโดดเด่นเป็นพิเศษทั้งในเรื่องของเต้นรำ, ดนตรีและกีฬาซึ่งกีฬาฟุตบอลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวบราซิล สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในบราซิลมีมากมายหลากหลายรูปแบบเนื่องจากมีอาณาเขตกว้างขวางโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติทั้งภูเขา, น้ำตก, ป่าเขาและชายหาด หลายเมืองของประเทศบราซิลมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังการท่องเที่ยวป่าดงดิบที่ยังคงสภาพธรรมชาติไว้ค่อนข้างมากตามป่าฝนแถบเส้นทางแม่น้ำอะเมซอนแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของทวีปอเมริกาใต้และเป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในโลกมีความยาวประมาณ 6,800 กิโลเมตรโดยเป็นป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ท่องเที่ยวคล้ายกับแกรนด์ แคนยอนของสหรัฐฯ ชื่อว่า Chapada Diamantina National Park

สำหรับอาชีพของชาวบราซิลส่วนใหญ่เป็นอาชีพให้การบริการเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งมีอาชีพนี้ถึง 66 เปอร์เซ็นต์ เมืองเซาเปาโลซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมและการเงิน ส่วนเมืองริโอ เดอ จา เนโรเป็นเมืองที่มีความงดงามซึ่งเป็นศูนย์กลางของงานฉลองเทศกาลคาร์นิวัลที่จัดขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม แต่เมืองนี้มีอาชญากรรมสูงมากแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา

ริโอ เดอ จา เนโรตั้งอยู่แถบชายทะเลปากอ่าวขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Guanabara สามารถเดินเลาะชายหาดสู่ภูเขาคอร์โควาโด ที่สถิตย์รูปแกะสลักพระเยซูขนาดใหญ่บนยอดเขาโดยมีรถรางไฟฟ้านำสู่ยอดเขา ส่วนน้ำตกอีกวาซูเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้และใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่แถบรอยต่อพรมแดนบราซิลกับอาร์เจนติน่า

การที่ชาวบราซิลมีวัฒนธรรมที่หลากหลายเนื่องมาจากในยุคล่าอาณานิคม ชาวยุโรปได้เข้ามายึดครองแถบบราซิลซึ่งชนเผ่าดั้งเดิมในทวีปอเมริกาเป็นชาวอินเดียแดง การเข้ามายึดครองในแถบบราซิลส่วนใหญ่เป็นชาวโปรตุเกส ส่วนแถบอื่นถูกยึดครองโดยชาวสเปนและได้แต่งงานกับสตรีชาวพื้นเมืองของอเมริกาใต้ซึ่งมีจำนวนมากบุตรที่เกิดมาเรียกว่า เมสติโซ จนกลายเป็นชนส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาใต้ในปัจจุบัน

การเข้ามายึดครองของชาวยุโรปโดยเฉพาะปอร์ตุเกสและสเปนส่งผลให้ชนชาวพื้นเมืองได้รับวัฒนธรรมของยุโรปและได้นำศาสนานิกายโรมันคาทอลิกเข้ามาเผยแพร่ จนกระทั่งคนส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาใต้นับถือศาสนาคริสต์

เศรษฐกิจของบราซิลนับว่าค่อนข้างดีเนื่องจากมีทรัพยากรจำนวนมากและมีแรงงานจำนวนมากสามารถสร้างผลผลิตเพื่อการส่งออกนำเงินเข้าประเทศได้มาก สภาพเศรษฐกิจติดอันดับ 7 ของโลก ส่วนเนื้อที่ของประเทศติดอันดับ 5 ของโลก บราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในโลก ส่งผลให้การพัฒนาทางด้านการธนาคารมีส่วนสำคัญต่ออัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ

ทางด้านระบบการปกครองของประเทศบราซิลเป็นแบบประชาธิปไตยเคยมีประธานาธิบดีเป็นสุภาพสตรี ชื่อว่า ดิลมา วาน่า รูสเซฟฟ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของบราซิล

By : C. Methas - Managing Editor

ประเทศบราซิลมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล” มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดและมีประชากรมากที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ ชาวบราซิลเป็นอีกชนชาติหนึ่งที่ให้ความนิยมกีฬาฟุตบอลเป็นกรณีพิเศษ อาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านมากถึง 9 ประเทศและอีก 1 แคว้นคือแคว้นเฟรนซ์เกียนของฝรั่งเศส อาณาเขตติดต่อกับทุกประเทศในทวีปอเมริกาใต้ยกเว้นประเทศเอกวาดอร์และชิลีซึ่งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ติดกับมหาสมุทรแปซิฟิก มีเนื้อที่ครอบคลุมถึง 47 เปอร์เซ็นต์ของทวีปอเมริกาใต้

ส่วนคำว่า “บราซิล” มาจากชื่อต้นไม้ชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า “บราซิลวูด” ที่นำไปใช้ย้อมผ้าจากสีแดงของเปลือกไม้ ในภาษาปอร์ตุเกสเรียกว่า pau-brasil ซึ่งมีคุณค่าสูงสำหรับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าของยุโรปจนกลายเป็นธุรกิจที่ผลิตจากบราซิล

สำหรับชื่ออย่างเป็นทางการที่ปอร์ตุเกสมีบันทึกไว้ในยุคแรกที่เข้ายึดครองได้เรียกบราซิลว่า “ดินแดนแห่งกางเขนศักดิ์สิทธิ์” แต่พวกกะลาสีเรือของยุโรปและพ่อค้าเรียกสั้น ๆ ว่า “ดินแดนแห่งบราซิล” อันเนื่องมาจากการค้าไม้บราซิล บางครั้งพวกกะลาสีเรือเรียกว่า “ดินแดนแห่งนกแก้ว” เนื่องจากป่าดงดิบในบราซิลมีนกแก้วจำนวนมากที่มีสีสันโดดเด่น

บราซิลมีเนื้อที่ทั้งหมดประมาณ 8.51 ล้านตารางกิโลเมตร ประชากรประมาณ 187 ล้านคนมีหลากหลายเชื้อชาติและหลายเผ่าพันธ์ ชาวยุโรปได้เข้ามายึดครองเมื่อประมาณ 500 ปีที่แล้ว ปัจจุบันมีประชากรเชื้อสายยุโรปมากที่สุดประมาณ 53.7 เปอร์เซ็นต์และลูกผสมระหว่างชาวยุโรปกับชาวพื้นเมืองราว 38.5 เปอร์เซ็นต์ ภาษาราชการที่ใช้เป็นภาษาปอร์ตุเกส

ประเทศบราซิลมีเมืองขนาดใหญ่ 10 เมือง กรุงบราซิเลียเป็นเมืองหลวงล่าสุด แต่เป็นเมืองใหญ่อันดับ 4 ของบราซิลโดยมีเมืองเซาเปาโลใหญ่เป็นอันดับ 1 เมืองริโอ เดอ จา เนโรติดอันดับ 3 และเมืองซัลวาดอร์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ประเทศบราซิลมีการเปลี่ยนเมืองหลวงมา 3 ครั้ง วันที่ 21 เมษายน ปีค.ศ. 1960 กรุงบราซิเลียได้รับสถาปนาให้เป็นเมืองหลวงของประเทศแทนกรุงริโอ เดอ จา เนโรซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศบราซิลระหว่างปีค.ศ. 1763-1960 โดยก่อนหน้านี้กรุงซัลวาดอร์เคยเป็นเมืองหลวงมาก่อนในช่วงปีค.ศ. 1549-1763

กรุงบราซีเลียได้รับการออกแบบผังเมืองอย่างเป็นระบบระเบียบเช่นเดียวกับกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในสหรัฐฯ และกรุงแคนเบอร์ราของประเทศออสเตรเลีย ถ้าหากดูผังเมืองบราซิเลียทางอากาศจะเห็นเป็นรูปเครื่องบิน

วัฒนธรรมของชาวบราซิลมีความโดดเด่นเป็นพิเศษทั้งในเรื่องของเต้นรำ, ดนตรีและกีฬาซึ่งกีฬาฟุตบอลได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตชาวบราซิล สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวในบราซิลมีมากมายหลากหลายรูปแบบเนื่องจากมีอาณาเขตกว้างขวางโดยมีสถานที่ท่องเที่ยวในเชิงธรรมชาติทั้งภูเขา, น้ำตก, ป่าเขาและชายหาด หลายเมืองของประเทศบราซิลมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ นอกจากนี้ยังการท่องเที่ยวป่าดงดิบที่ยังคงสภาพธรรมชาติไว้ค่อนข้างมากตามป่าฝนแถบเส้นทางแม่น้ำอะเมซอนแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดของทวีปอเมริกาใต้และเป็นแม่น้ำสายที่ยาวที่สุดในโลกมีความยาวประมาณ 6,800 กิโลเมตรโดยเป็นป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์และมีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สถานที่ท่องเที่ยวคล้ายกับแกรนด์ แคนยอนของสหรัฐฯ ชื่อว่า Chapada Diamantina National Park

สำหรับอาชีพของชาวบราซิลส่วนใหญ่เป็นอาชีพให้การบริการเนื่องจากเป็นเมืองท่องเที่ยวซึ่งมีอาชีพนี้ถึง 66 เปอร์เซ็นต์ เมืองเซาเปาโลซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมและการเงิน ส่วนเมืองริโอ เดอ จา เนโรเป็นเมืองที่มีความงดงามซึ่งเป็นศูนย์กลางของงานฉลองเทศกาลคาร์นิวัลที่จัดขึ้นประมาณเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม แต่เมืองนี้มีอาชญากรรมสูงมากแห่งหนึ่งในละตินอเมริกา

ริโอ เดอ จา เนโรตั้งอยู่แถบชายทะเลปากอ่าวขนาดใหญ่ที่ชื่อว่า Guanabara สามารถเดินเลาะชายหาดสู่ภูเขาคอร์โควาโด ที่สถิตย์รูปแกะสลักพระเยซูขนาดใหญ่บนยอดเขาโดยมีรถรางไฟฟ้านำสู่ยอดเขา ส่วนน้ำตกอีกวาซูเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาใต้และใหญ่ที่สุดในโลกตั้งอยู่แถบรอยต่อพรมแดนบราซิลกับอาร์เจนติน่า

การที่ชาวบราซิลมีวัฒนธรรมที่หลากหลายเนื่องมาจากในยุคล่าอาณานิคม ชาวยุโรปได้เข้ามายึดครองแถบบราซิลซึ่งชนเผ่าดั้งเดิมในทวีปอเมริกาเป็นชาวอินเดียแดง การเข้ามายึดครองในแถบบราซิลส่วนใหญ่เป็นชาวโปรตุเกส ส่วนแถบอื่นถูกยึดครองโดยชาวสเปนและได้แต่งงานกับสตรีชาวพื้นเมืองของอเมริกาใต้ซึ่งมีจำนวนมากบุตรที่เกิดมาเรียกว่า เมสติโซ จนกลายเป็นชนส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาใต้ในปัจจุบัน

การเข้ามายึดครองของชาวยุโรปโดยเฉพาะปอร์ตุเกสและสเปนส่งผลให้ชนชาวพื้นเมืองได้รับวัฒนธรรมของยุโรปและได้นำศาสนานิกายโรมันคาทอลิกเข้ามาเผยแพร่ จนกระทั่งคนส่วนใหญ่ของทวีปอเมริกาใต้นับถือศาสนาคริสต์

เศรษฐกิจของบราซิลนับว่าค่อนข้างดีเนื่องจากมีทรัพยากรจำนวนมากและมีแรงงานจำนวนมากสามารถสร้างผลผลิตเพื่อการส่งออกนำเงินเข้าประเทศได้มาก สภาพเศรษฐกิจติดอันดับ 7 ของโลก ส่วนเนื้อที่ของประเทศติดอันดับ 5 ของโลก บราซิลเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่รวดเร็วที่สุดในโลก ส่งผลให้การพัฒนาทางด้านการธนาคารมีส่วนสำคัญต่ออัตราการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจ

ทางด้านระบบการปกครองของประเทศบราซิลเป็นแบบประชาธิปไตยเคยมีประธานาธิบดีเป็นสุภาพสตรี ชื่อว่า ดิลมา วาน่า รูสเซฟฟ์ ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2554 เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของบราซิล

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!