สถิติใหม่ของการขับขี่แบบประหยัดพลังงานกับฟอร์ด เรนเจอร์


สถิติใหม่ของการขับขี่แบบประหยัดพลังงานกับฟอร์ด เรนเจอร์ ด้วยเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพผนวกกับเทคนิคการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นักขับรถเทคนิคประหยัดน้ำมัน (hypermiling) จากนอร์เวย์ ได้ใช้เทคนิคการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (hypermiling) เพื่อบันทึกสถิติการประหยัดน้ำมันใหม่ให้กับรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์

ฟอร์ด เรนเจอร์ สร้างสถิติในการขับขี่ระยะทาง 1,616 กิโลเมตร จากประเทศนอร์เวย์ ไปสวีเดน และฟินแลนด์ ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวตลอดการขับขี่
ฟอร์ดเผยเคล็ดลับที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถประหยัดน้ำมันได้
ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้สร้างสถิติการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวตลอดการขับขี่ควบคู่กับเทคนิคการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (hypermiling)

นุท วิลทิล และเฮนริค บอร์ชเกรวิง สองคู่หูจากประเทศนอร์เวย์ ได้ขับฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นดีเซล TDCi ขนาด 2.2 ลิตร เพื่อบันทึกสถิติโลกที่ยังไม่ได้รับการยืนยันสำหรับการขับขี่ระยะทางยาวไกลที่สุดด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว ทั้งสองวางแผนเส้นทางอย่างรอบคอบรวมทั้งใช้เทคนิคการประหยัดขั้นสูง อาทิ การจอดรถเฉพาะบนทางลงเขาในขณะหยุดพักรถ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเมื่อสตาร์ทเครื่องใหม่ ผนวกกับเทคนิคการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน (Hypermiling) ทั้งสองสามารถขับฟอร์ด เรนเจอร์ไปได้ไกลกว่า 1,616 กิโลเมตร จากประเทศนอร์เวย์ ไปยังสวีเดน และฟินแลนด์ ด้วยความเร็วเฉลี่ย 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แม้ว่า นุท วิลทิล และเฮนริค บอร์ชเกรวิง จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ท้าทาย เขาทั้งสองก็สามารถทำการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันได้สำเร็จกับสถิติการใช้น้ำมัน 20 กิโลเมตร/ลิตร ในระยะเวลาการขับขี่ทั้งหมดกว่า 30 ชั่วโมง นับเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์*

ฟอร์ดขอแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ในการขับขี่ประหยัดน้ำมัน

1. ตรวจเช็คสภาพรถของคุณและตรวจสอบระดับน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ รถที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ตรวจสอบลมยางเป็นประจำทุกเดือน ยางรถที่อ่อนเกินไป ทำให้อัตราการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เปอร์เซ็นต์

3. ไม่ควรบรรทุกของหนักที่ไม่จำเป็นไว้ในรถ

4. นำโครงเหล็กบนหลังคารถที่ไม่ได้ใช้งานออก และปิดหน้าต่างรถทุกครั้งโดยเฉพาะตอนขับขี่ด้วยความเร็วสูง เพื่อช่วยการต้านทานแรงลม และยังช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้มากถึง 10 เปอร์เซ็นต์

5. ขับขี่อย่างนุ่มนวล มองทางหน้า รวมถึงทางด้านหลัง ให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ การเร่งความเร็วและการเบรกกระทันหันเป็นการทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

6. เมื่อต้องเร่งความเร็ว ควรเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงไว้ก่อนล่วงหน้า รถฟอร์ดรุ่นต่างๆ ยังมีไฟแสดงตำแหน่งเกียร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่อีกด้วย

นุท วิลทิล และเฮนริค บอร์ชเกรวิง กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เครื่องยนต์ดีเซล TDCi ขนาด 2.2 ลิตร ขับขี่ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว จากประเทศนอร์เวย์ ไปสวีเดน และฟินแลนด์

* ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงหรือพลังงานที่แจ้งไว้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และกระแสไฟฟ้ามีการตรวจวัดตามข้อกำหนดทางเทคนิคและข้อกำหนดจำเพาะตามระเบียบสหภาพยุโรป ข้อที่ 715/2007 และข้อที่ 692/2008 ตามที่แก้ไขล่าสุด การใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ระบุไว้สำหรับพาหนะที่ต่างออกไปและไม่ใช่สำหรับรถตอนเดียว ขั้นตอนการทดสอบมาตรฐานที่ใช้ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบระหว่างประเภทของยานพาหนะและผู้ผลิตรายต่างๆได้ นอกเหนือจากประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงของรถยนต์แล้ว พฤติกรรมการขับขี่และปัจจัยด้านอื่นๆ ก็มีบทบาทในการกำหนดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงหรือพลังงาน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และกระแสไฟฟ้า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซเรือนกระจกหลักที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน

สถิติใหม่ของการขับขี่แบบประหยัดพลังงานกับฟอร์ด เรนเจอร์ ด้วยเครื่องยนต์ทรงประสิทธิภาพผนวกกับเทคนิคการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นักขับรถเทคนิคประหยัดน้ำมัน (hypermiling) จากนอร์เวย์ ได้ใช้เทคนิคการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (hypermiling) เพื่อบันทึกสถิติการประหยัดน้ำมันใหม่ให้กับรถกระบะฟอร์ด เรนเจอร์

ฟอร์ด เรนเจอร์ สร้างสถิติในการขับขี่ระยะทาง 1,616 กิโลเมตร จากประเทศนอร์เวย์ ไปสวีเดน และฟินแลนด์ ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวตลอดการขับขี่ ฟอร์ดเผยเคล็ดลับที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถประหยัดน้ำมันได้ ฟอร์ด เรนเจอร์ ได้สร้างสถิติการขับขี่ที่ประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมใหม่ ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียวตลอดการขับขี่ควบคู่กับเทคนิคการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (hypermiling)

นุท วิลทิล และเฮนริค บอร์ชเกรวิง สองคู่หูจากประเทศนอร์เวย์ ได้ขับฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นดีเซล TDCi ขนาด 2.2 ลิตร เพื่อบันทึกสถิติโลกที่ยังไม่ได้รับการยืนยันสำหรับการขับขี่ระยะทางยาวไกลที่สุดด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว ทั้งสองวางแผนเส้นทางอย่างรอบคอบรวมทั้งใช้เทคนิคการประหยัดขั้นสูง อาทิ การจอดรถเฉพาะบนทางลงเขาในขณะหยุดพักรถ ซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันเมื่อสตาร์ทเครื่องใหม่ ผนวกกับเทคนิคการขับขี่แบบประหยัดน้ำมัน (Hypermiling) ทั้งสองสามารถขับฟอร์ด เรนเจอร์ไปได้ไกลกว่า 1,616 กิโลเมตร จากประเทศนอร์เวย์ ไปยังสวีเดน และฟินแลนด์ ด้วยความเร็วเฉลี่ย 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง

แม้ว่า นุท วิลทิล และเฮนริค บอร์ชเกรวิง จะต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่ท้าทาย เขาทั้งสองก็สามารถทำการขับขี่แบบประหยัดน้ำมันได้สำเร็จกับสถิติการใช้น้ำมัน 20 กิโลเมตร/ลิตร ในระยะเวลาการขับขี่ทั้งหมดกว่า 30 ชั่วโมง นับเป็นการพัฒนาประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันได้ดีขึ้นถึง 23 เปอร์เซ็นต์*

ฟอร์ดขอแนะนำเคล็ดลับง่ายๆ ในการขับขี่ประหยัดน้ำมัน

1. ตรวจเช็คสภาพรถของคุณและตรวจสอบระดับน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ รถที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีจะสามารถวิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

2. ตรวจสอบลมยางเป็นประจำทุกเดือน ยางรถที่อ่อนเกินไป ทำให้อัตราการใช้เชื้อเพลิงเพิ่มมากขึ้นถึง 4 เปอร์เซ็นต์

3. ไม่ควรบรรทุกของหนักที่ไม่จำเป็นไว้ในรถ

4. นำโครงเหล็กบนหลังคารถที่ไม่ได้ใช้งานออก และปิดหน้าต่างรถทุกครั้งโดยเฉพาะตอนขับขี่ด้วยความเร็วสูง เพื่อช่วยการต้านทานแรงลม และยังช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้มากถึง 10 เปอร์เซ็นต์

5. ขับขี่อย่างนุ่มนวล มองทางหน้า รวมถึงทางด้านหลัง ให้ไกลที่สุดเท่าที่ทำได้ การเร่งความเร็วและการเบรกกระทันหันเป็นการทำให้สิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

6. เมื่อต้องเร่งความเร็ว ควรเปลี่ยนเป็นเกียร์สูงไว้ก่อนล่วงหน้า รถฟอร์ดรุ่นต่างๆ ยังมีไฟแสดงตำแหน่งเกียร์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่อีกด้วย

นุท วิลทิล และเฮนริค บอร์ชเกรวิง กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เครื่องยนต์ดีเซล TDCi ขนาด 2.2 ลิตร ขับขี่ด้วยน้ำมันเพียงถังเดียว จากประเทศนอร์เวย์ ไปสวีเดน และฟินแลนด์

* ปริมาณการใช้เชื้อเพลิงหรือพลังงานที่แจ้งไว้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และกระแสไฟฟ้ามีการตรวจวัดตามข้อกำหนดทางเทคนิคและข้อกำหนดจำเพาะตามระเบียบสหภาพยุโรป ข้อที่ 715/2007 และข้อที่ 692/2008 ตามที่แก้ไขล่าสุด การใช้เชื้อเพลิงและการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ระบุไว้สำหรับพาหนะที่ต่างออกไปและไม่ใช่สำหรับรถตอนเดียว ขั้นตอนการทดสอบมาตรฐานที่ใช้ช่วยให้สามารถเปรียบเทียบระหว่างประเภทของยานพาหนะและผู้ผลิตรายต่างๆได้ นอกเหนือจากประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิงของรถยนต์แล้ว พฤติกรรมการขับขี่และปัจจัยด้านอื่นๆ ก็มีบทบาทในการกำหนดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงหรือพลังงาน การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และกระแสไฟฟ้า ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นก๊าซเรือนกระจกหลักที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!