จารึกตำนานรถแข่งสูตร 1 : ประวัติศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่ช่วงแรกปีที่ 5 ค.ศ. 1954 (ตอนที่ 5) เมอเซเดสโค่นบัลลังก์แชมป์เฟอรารี่ สมัยที่ 5 ของศึกฟอร์มูล่า-วัน ปีค.ศ. 1954


By : C. Methas – Managing Editor

เมอเซเดสคว้าแชมป์ครั้งแรกในศึกเอฟ-วันครั้งแรกในโลก

ทีมเฟอร์รารี่ขึ้นครองแชมป์โลกฟอร์มูล่า-วัน 2 สมัยซ้อนหลังจากส่งทีมลงแข่งขันในยุคแรกช่วงระหว่างปีค.ศ. 1952-1953 ในสมัยที่ 5 ทีมเมอเซเดสได้ส่งทีมลงแข่งขันตั้งแต่สนามที่ 2 เป็นต้นไปและฮวน มานูเอล ฟังจิโอได้ย้ายจากทีมมาเซราติมาขับให้กับทีมเมอเซเดสจนประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์โลกไปครอง

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอเจ้าของแชมป์โลกเอฟ-วัน 5 สมัย คว้าแชมป์โลกครั้งแรกได้เมื่อปีค.ศ. 1951 ในสังกัดทีมอัลฟา โรเมโอและมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้ในสังกัดทีมเมอเซเดสเมื่อปีค.ศ. 1954 ศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่สมัยที่ 5 ฮวน มานูเอล ฟังจิโอกลับมาคว้าแชมป์โลกไปครองโดยสนามแรกลงขับให้กับทีมมาเซราติ หลังจากนั้นอีก 7 สนามได้ย้ายไปขับให้กับทีมเมอเซเดสซึ่งได้ส่งทีมลงแข่งขันเป็นสมัยแรกและสามารถคว้าแชมป์ประเภททีมผู้ผลิตไปครองได้สำเร็จ

สนามแรกที่ศึกอาร์เจนติน่า กรังด์ปรีซ์ นักขับเจ้าถิ่นฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ประเดิมสนามเปิดฤดูกาลหลังจากแข่งขันครบ 87 รอบสนามโดยออกสตาร์ทจากอันดับ 3 ส่วนกุยเซบโป้ นิโน ฟาริน่าคว้าโพล โพสิชั่นไปครองมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ในสังกัดทีมเฟอร์รารี่และอันดับ 3-4 เป็นของทีมเฟอร์รารี่โดยโจเซ ฟรอยแลนที่ย้ายมาจากทีมเฟอร์รารี่และเป็นนักขับทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ตามมาด้วยมัวริค ทริงทิคเนนท์ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 5

สนามที่ 2 ที่อินเดียน่าโปลีส500 ยังคงเป็นการแข่งขันของทีมแข่งในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับ 4 ปีที่ผ่านมา ทำการแข่งขันในวันที่ 31 พฤษภาคมปีเดียวกัน บิลล์ วูโควิชแชมป์เมื่อปีที่แล้วยังคงป้องกันแชมป์ไว้ได้ Bill Vukovich ให้กับทีมเคอร์ทิส คราฟท์ ออฟเฟนเฮาเออร์ ทำการแข่งขันถึง 200 รอบสนาม

สนามที่ 3 รายการเบลเยี่ยน กรังด์ปรีซ์ ฮวน มานูเอล ฟังจิโอสร้างผลงานที่สนามสปา ฟรังโกชองส์ได้อย่างครบเครื่องด้วยการคว้าแชมป์อีกสนามพร้อมกับคว้าโพล โพสิชั่นและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 13 ของการแข่งขันรวม 36 รอบ ตามมาด้วยมัวริค ทริงทิคเนนท์จากทีมเฟอร์รารี่ ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมมาเซราติขับโดยสเตอร์ลิ่ง มอสส์และไมค์ ฮอว์ธอร์นกับโจเซ ฟรอยแลนที่ผลัดกันขับจากทีมเฟอร์รารี่เข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ส่วนอันดับ 5 เป็นของอังเดร พีเลทเต้จากทีมกอร์ดินี่และอันดับ 6 เป็นของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชลงแข่งในสังกัดทีมมาเซราติ

สนามที่ 4 รายการฝรั่งเศส กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ 4 กรกฎาคม ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ประจำรายการไปครองเป็นสนามที่ 3 ติดต่อกันหลังจากคว้าโพล โพสิชั่นไปครอง สนามนี้ได้ย้ายสังกัดจากทีมมาเซราติมาขับให้กับทีมเมอเซเดสโดยใช้รถแข่งรหัสดับลิว 196
สนามนี้เป็นการส่งทีมลงแข่งขันเป็นสนามแรกของทีมเมอเซเดสและสามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 และในรอบควอลิฟายสามารถยึดอันดับหัวแถวไว้ได้ในอันดับ 1-2 และคาร์ล คลิง นักขับชาวเยอรมนีตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของโรเบิร์ต แมนซอนในสังกัดทีมเฟอร์รารี่และอันดับ 4 เป็นของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชลงแข่งในสังกัดทีมมาเซราติ

สนามที่ 5 รายการอังกฤษ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1954 แข่งขันรวม 90 รอบสนาม ทีมเฟอร์รารี่มาทวงคืนแชมป์ได้เป็นสนามแรกของปีนี้ด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 โจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซคว้าแชมป์ไปครองหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 2 และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุด ไมค์ ฮอว์ธอร์นตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอสนามนี้ไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้

สนามที่ 6 รายการเยอรมนี กรังด์ปรีซ์แข่งขันที่นัวบวร์กริ่ง เซอร์กิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม ทำการแข่งขันรวม 22 รอบสนาม ฮวน มานูเอล ฟังจิโอกลับมาคว้าแชมป์ไปครองได้อีกครั้งพร้อมกับการคว้าโพล โพสิชั่น อันดับ 2-3 เป็นของทีมเฟอร์รารี่โดยโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซและไมค์ ฮอว์ธอร์นติดอันดับ 2 จากการผลัดกันขับและมัวริค ทริงทิคแนนท์ติดอันดับ 3

สนามที่ 7 รายการสวิส กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคมที่เบรมการ์เทน แข่งขันรวม 66 รอบ ฮวน มานูเอล ฟังจิโอยังคงคว้าแชมป์ได้อย่างต่อเนื่อง สนามนี้ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุด โจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซจากทีมเฟอร์รารี่ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 หลังจากออกคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและอันดับ 3 ตกเป็นของฮานส์ เฮอร์มานน์ในสังกัดทีมเมอเซเดส
รายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์สนามที่ 8 ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายนปีเดียวกัน แข่งขันรวม 80 รอบที่มอนซ่า เซอร์กิตซึ่งมีความยาวต่อรอบสนาม 6.30 กิโลเมตร ฮวน มานูเอล ฟังจิโอยังคงกวาดแชมป์ต่อเนื่องและสามารถคว้าโพล โพสิชั่นได้อีกสนาม ทีมเฟอร์รารี่ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2-3 โดยไมค์ ฮอว์ธอร์นติดอันดับ 2 หลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 7 และอัมเบอร์โต้ แมกลิโอลิกับโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซติดอันดับ 3

สนามปิดฤดูกาลที่ศึกสเปนิซ กรังด์ปรีซ์ได้รับการบรรจุเข้ามาแทนรายการฮอลแลนด์ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่เปดราลเบส เซอร์กิตในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคมปีค.ศ. 1954 ไมค์ ฮอว์ธอร์นคว้าแชมป์ไปครองได้ในรังของม้าป่าลำพองสีแดงเพลิงแห่งมาราเนลโล่ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์สนามที่สองของทีมเฟอร์รารี่ในปีนี้ อันดับ 2 เป็นของลุยจิ มัสโซ่จากทีมมาเซราติและฮวน มานูเอล ฟังจิโอเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 โดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ส่วนโรแบร์โต้ เมียเรส ในสังกัดทีมมาเซราติที่คว้าโพล โพสิชั่นได้เข้าเส้นชัยในอันดับ 4

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์โลกในปีนี้ไปครองโดยเป็นการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 หลังจากคว้าแชมป์ได้ทั้งหมดรวม 6 สนามของการลงแข่งขัน 8 สนาม เก็บคะแนนได้รวม 42 แต้ม รองแชมป์เป็นของโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซจากทีมเฟอร์รารี่และอันดับ 3 เป็นของนักแข่งจากอังกฤษ ไมค์ ฮอว์ธอร์น ส่วนพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชติดอันดับ 17 ของตาราง

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

stirling-moss-stands-by-his-car-ahead-of-the-race-italian-grand-prix-monza-september-5-1954stirling-moss-pushed-his-car-across-the-line-for-10th-italian-grand-prix-september-5-1954maserati-250f-4831maserati-250f-4835mercedes-benz-w196-4227mercedes-benz-w196-4228mercedes-benz-w196-streamliner-14969mercedes-benz-w196-streamliner-44597

 

 

 

 

By : C. Methas - Managing Editor

เมอเซเดสคว้าแชมป์ครั้งแรกในศึกเอฟ-วันครั้งแรกในโลก

ทีมเฟอร์รารี่ขึ้นครองแชมป์โลกฟอร์มูล่า-วัน 2 สมัยซ้อนหลังจากส่งทีมลงแข่งขันในยุคแรกช่วงระหว่างปีค.ศ. 1952-1953 ในสมัยที่ 5 ทีมเมอเซเดสได้ส่งทีมลงแข่งขันตั้งแต่สนามที่ 2 เป็นต้นไปและฮวน มานูเอล ฟังจิโอได้ย้ายจากทีมมาเซราติมาขับให้กับทีมเมอเซเดสจนประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์โลกไปครอง

ฮวน มานูเอล ฟังจิโอเจ้าของแชมป์โลกเอฟ-วัน 5 สมัย คว้าแชมป์โลกครั้งแรกได้เมื่อปีค.ศ. 1951 ในสังกัดทีมอัลฟา โรเมโอและมาคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 ได้ในสังกัดทีมเมอเซเดสเมื่อปีค.ศ. 1954 ศึกฟอร์มูล่า-วันยุคใหม่สมัยที่ 5 ฮวน มานูเอล ฟังจิโอกลับมาคว้าแชมป์โลกไปครองโดยสนามแรกลงขับให้กับทีมมาเซราติ หลังจากนั้นอีก 7 สนามได้ย้ายไปขับให้กับทีมเมอเซเดสซึ่งได้ส่งทีมลงแข่งขันเป็นสมัยแรกและสามารถคว้าแชมป์ประเภททีมผู้ผลิตไปครองได้สำเร็จ สนามแรกที่ศึกอาร์เจนติน่า กรังด์ปรีซ์ นักขับเจ้าถิ่นฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ประเดิมสนามเปิดฤดูกาลหลังจากแข่งขันครบ 87 รอบสนามโดยออกสตาร์ทจากอันดับ 3 ส่วนกุยเซบโป้ นิโน ฟาริน่าคว้าโพล โพสิชั่นไปครองมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ในสังกัดทีมเฟอร์รารี่และอันดับ 3-4 เป็นของทีมเฟอร์รารี่โดยโจเซ ฟรอยแลนที่ย้ายมาจากทีมเฟอร์รารี่และเป็นนักขับทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ตามมาด้วยมัวริค ทริงทิคเนนท์ที่ออกสตาร์ทจากอันดับ 5

สนามที่ 2 ที่อินเดียน่าโปลีส500 ยังคงเป็นการแข่งขันของทีมแข่งในสหรัฐอเมริกาเช่นเดียวกับ 4 ปีที่ผ่านมา ทำการแข่งขันในวันที่ 31 พฤษภาคมปีเดียวกัน บิลล์ วูโควิชแชมป์เมื่อปีที่แล้วยังคงป้องกันแชมป์ไว้ได้ Bill Vukovich ให้กับทีมเคอร์ทิส คราฟท์ ออฟเฟนเฮาเออร์ ทำการแข่งขันถึง 200 รอบสนาม

สนามที่ 3 รายการเบลเยี่ยน กรังด์ปรีซ์ ฮวน มานูเอล ฟังจิโอสร้างผลงานที่สนามสปา ฟรังโกชองส์ได้อย่างครบเครื่องด้วยการคว้าแชมป์อีกสนามพร้อมกับคว้าโพล โพสิชั่นและเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุดในรอบที่ 13 ของการแข่งขันรวม 36 รอบ ตามมาด้วยมัวริค ทริงทิคเนนท์จากทีมเฟอร์รารี่ ส่วนอันดับ 3 เป็นของทีมมาเซราติขับโดยสเตอร์ลิ่ง มอสส์และไมค์ ฮอว์ธอร์นกับโจเซ ฟรอยแลนที่ผลัดกันขับจากทีมเฟอร์รารี่เข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ส่วนอันดับ 5 เป็นของอังเดร พีเลทเต้จากทีมกอร์ดินี่และอันดับ 6 เป็นของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชลงแข่งในสังกัดทีมมาเซราติ

สนามที่ 4 รายการฝรั่งเศส กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ 4 กรกฎาคม ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์ประจำรายการไปครองเป็นสนามที่ 3 ติดต่อกันหลังจากคว้าโพล โพสิชั่นไปครอง สนามนี้ได้ย้ายสังกัดจากทีมมาเซราติมาขับให้กับทีมเมอเซเดสโดยใช้รถแข่งรหัสดับลิว 196 สนามนี้เป็นการส่งทีมลงแข่งขันเป็นสนามแรกของทีมเมอเซเดสและสามารถเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 และในรอบควอลิฟายสามารถยึดอันดับหัวแถวไว้ได้ในอันดับ 1-2 และคาร์ล คลิง นักขับชาวเยอรมนีตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนอันดับ 3 เป็นของโรเบิร์ต แมนซอนในสังกัดทีมเฟอร์รารี่และอันดับ 4 เป็นของพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชลงแข่งในสังกัดทีมมาเซราติ

สนามที่ 5 รายการอังกฤษ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1954 แข่งขันรวม 90 รอบสนาม ทีมเฟอร์รารี่มาทวงคืนแชมป์ได้เป็นสนามแรกของปีนี้ด้วยการเรียงแถวเข้าเส้นชัยในอันดับ 1-2 โจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซคว้าแชมป์ไปครองหลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 2 และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุด ไมค์ ฮอว์ธอร์นตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 ส่วนฮวน มานูเอล ฟังจิโอสนามนี้ไปเข้าเส้นชัยในอันดับ 4 หลังจากคว้าโพล โพสิชั่นได้

สนามที่ 6 รายการเยอรมนี กรังด์ปรีซ์แข่งขันที่นัวบวร์กริ่ง เซอร์กิตเมื่อวันอาทิตย์ที่ 1 สิงหาคม ทำการแข่งขันรวม 22 รอบสนาม ฮวน มานูเอล ฟังจิโอกลับมาคว้าแชมป์ไปครองได้อีกครั้งพร้อมกับการคว้าโพล โพสิชั่น อันดับ 2-3 เป็นของทีมเฟอร์รารี่โดยโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซและไมค์ ฮอว์ธอร์นติดอันดับ 2 จากการผลัดกันขับและมัวริค ทริงทิคแนนท์ติดอันดับ 3

สนามที่ 7 รายการสวิส กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคมที่เบรมการ์เทน แข่งขันรวม 66 รอบ ฮวน มานูเอล ฟังจิโอยังคงคว้าแชมป์ได้อย่างต่อเนื่อง สนามนี้ออกสตาร์ทจากอันดับ 2 และเป็นนักขับที่ทำความเร็วต่อรอบได้เร็วที่สุด โจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซจากทีมเฟอร์รารี่ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2 หลังจากออกคว้าโพล โพสิชั่นไปครองและอันดับ 3 ตกเป็นของฮานส์ เฮอร์มานน์ในสังกัดทีมเมอเซเดส รายการอิตาเลี่ยน กรังด์ปรีซ์สนามที่ 8 ทำการแข่งขันในวันอาทิตย์ที่ 5 กันยายนปีเดียวกัน แข่งขันรวม 80 รอบที่มอนซ่า เซอร์กิตซึ่งมีความยาวต่อรอบสนาม 6.30 กิโลเมตร ฮวน มานูเอล ฟังจิโอยังคงกวาดแชมป์ต่อเนื่องและสามารถคว้าโพล โพสิชั่นได้อีกสนาม ทีมเฟอร์รารี่ตามเข้าเส้นชัยในอันดับ 2-3 โดยไมค์ ฮอว์ธอร์นติดอันดับ 2 หลังจากออกสตาร์ทจากอันดับ 7 และอัมเบอร์โต้ แมกลิโอลิกับโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซติดอันดับ 3

สนามปิดฤดูกาลที่ศึกสเปนิซ กรังด์ปรีซ์ได้รับการบรรจุเข้ามาแทนรายการฮอลแลนด์ กรังด์ปรีซ์ทำการแข่งขันที่เปดราลเบส เซอร์กิตในวันอาทิตย์ที่ 24 ตุลาคมปีค.ศ. 1954 ไมค์ ฮอว์ธอร์นคว้าแชมป์ไปครองได้ในรังของม้าป่าลำพองสีแดงเพลิงแห่งมาราเนลโล่ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์สนามที่สองของทีมเฟอร์รารี่ในปีนี้ อันดับ 2 เป็นของลุยจิ มัสโซ่จากทีมมาเซราติและฮวน มานูเอล ฟังจิโอเข้าเส้นชัยในอันดับ 3 โดยออกสตาร์ทจากอันดับ 2 ส่วนโรแบร์โต้ เมียเรส ในสังกัดทีมมาเซราติที่คว้าโพล โพสิชั่นได้เข้าเส้นชัยในอันดับ 4 ฮวน มานูเอล ฟังจิโอคว้าแชมป์โลกในปีนี้ไปครองโดยเป็นการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 2 หลังจากคว้าแชมป์ได้ทั้งหมดรวม 6 สนามของการลงแข่งขัน 8 สนาม เก็บคะแนนได้รวม 42 แต้ม รองแชมป์เป็นของโจเซ ฟรอยแลน กอนซาเลซจากทีมเฟอร์รารี่และอันดับ 3 เป็นของนักแข่งจากอังกฤษ ไมค์ ฮอว์ธอร์น ส่วนพระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดชติดอันดับ 17 ของตาราง

                                                                                                                                                                                                        stirling-moss-stands-by-his-car-ahead-of-the-race-italian-grand-prix-monza-september-5-1954stirling-moss-pushed-his-car-across-the-line-for-10th-italian-grand-prix-september-5-1954maserati-250f-4831maserati-250f-4835mercedes-benz-w196-4227mercedes-benz-w196-4228mercedes-benz-w196-streamliner-14969mercedes-benz-w196-streamliner-44597        

etetewtgae

Top Rated

error: Content is protected !!