By : C. Methas – Managing Editor
ในปี ค.ศ. 1838 Robert Davidson นักประดิษฐ์ชาวสก็อตแลนด์ได้นำมอเตอร์ไฟฟ้าไปติดตั้งกับรถไฟ สามารถทำความเร็วได้ 4 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 6.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1832-1839 เขาได้สร้างเกวียนติดมอเตอร์ไฟฟ้าขึ้นเป็นครั้งแรก
แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟฟ้าจัดเก็บได้สามารถสร้างสำเร็จในปี ค.ศ. 1856 โดย Gaston Plante นักฟิสิกค์ชาวฝรั่งเศส ต่อมาได้มีการปรับปรุงและพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี่สูงขึ้นจนสามารถนำมาใช้งานได้จริงได้ระดับหนึ่งในปี ค.ศ. 1865
ต่อมาได้มีการพัฒนาไปเป็นรถยนต์พลังงานไฮบริดในสหรัฐอเมริกาโดยเปิดตัวในปี ค.ศ. 1911 ผลิตสร้างโดย The Woods Motor Vehicle Company of Chicago แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขับเคลื่อนช้า ราคาแพงและการบำรุงรักษายุ่งยาก นอกจากนี้รถมีน้ำหนักมากเนื่องจากต้องแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่หลายชุด
สำหรับรถยนต์พลังงานไฮบริดทางค่าย Porsche แห่งเยอรมนีได้เป็นผู้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี ค.ศ. 1900 รหัสรุ่น Lohner ซึ่งทางองค์การนาซ่าได้นำรถรุ่นนี้ไปศึกษาการออกแบบข้อมูลเบื้องต้นสำหรับยาน Lunar Rover ที่ส่งไปลงไปสำรวจบนดวงจันทร์
ในปีค.ศ. 1897 รถยนต์ไฟฟ้าได้นำไปทำธุรกิจเป็นครั้งแรกโดยเป็นรถแท็กซี่ในกรุงนิวยอร์คผลิตสร้างโดยบริษัท The Electric Carriage and Wagon Company of Philadelphia และเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1899 Jacob German คนขับแท็กซี่ในนิวยอร์ควัย 26 ปีทำสถิติความเร็วสูงสุดเป็นครั้งแรกด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่ความเร็ว 12 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ถูกตำรวจจับเนื่องจากทำความเร็วเกินกำหนดโดยในยุคนั้นมีข้อจำกัดความเร็วรถยนต์ในช่วงทางตรงไม่เกิน 8 ไมล์ต่อชั่วโมงและไม่เกิน 4 ไมล์ต่อชั่วโมงในช่วงทางโค้ง Jacob German ได้กลายเป็นคนขับรถที่ทำความเร็วเกินกำหนดเป็นคนแรกของสหรัฐอเมริกา
คนขับรถที่ทำความเร็วเกินกำหนดคนแรกของโลกเป็นชาวอังกฤษ Walter Arnold ขับรถม้าทำความเร็วกว่า 2 ไมล์ต่อชั่วโมงในเขตจำกัดความเร็วไม่เกิน 2 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อวันที่ 28 มกราคม ปี ค.ศ. 1896 ถูกจับปรับเป็นเงิน 1 ชิลลิ่ง ส่วนกรณี “เมาไม่ขับ” George Smith เป็นคนเมาที่ถูกจับขณะขับรถเป็นคนแรกของโลกโดยขี่รถม้าไปชนข้างตึกที่กรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 10 กันยายน ปี ค.ศ. 1897 ถูกจับปรับเป็นเงิน 25 ชิลลิ่ง
“ นิวยอร์ค” เป็นเมืองแรกในสหรัฐอเมริกาได้ผ่านกฎหมาย “เมาไม่ขับ” เมื่อปี ค.ศ. 1910
By : C. Methas - Managing Editor
ในปี ค.ศ. 1838 Robert Davidson นักประดิษฐ์ชาวสก็อตแลนด์ได้นำมอเตอร์ไฟฟ้าไปติดตั้งกับรถไฟ สามารถทำความเร็วได้ 4 ไมล์ต่อชั่วโมงหรือ 6.4 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และระหว่างช่วงปี ค.ศ. 1832-1839 เขาได้สร้างเกวียนติดมอเตอร์ไฟฟ้าขึ้นเป็นครั้งแรก
แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟฟ้าจัดเก็บได้สามารถสร้างสำเร็จในปี ค.ศ. 1856 โดย Gaston Plante นักฟิสิกค์ชาวฝรั่งเศส ต่อมาได้มีการปรับปรุงและพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยี่สูงขึ้นจนสามารถนำมาใช้งานได้จริงได้ระดับหนึ่งในปี ค.ศ. 1865
ต่อมาได้มีการพัฒนาไปเป็นรถยนต์พลังงานไฮบริดในสหรัฐอเมริกาโดยเปิดตัวในปี ค.ศ. 1911 ผลิตสร้างโดย The Woods Motor Vehicle Company of Chicago แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากขับเคลื่อนช้า ราคาแพงและการบำรุงรักษายุ่งยาก นอกจากนี้รถมีน้ำหนักมากเนื่องจากต้องแบกน้ำหนักของแบตเตอรี่หลายชุด
สำหรับรถยนต์พลังงานไฮบริดทางค่าย Porsche แห่งเยอรมนีได้เป็นผู้สร้างขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกเมื่อปี ค.ศ. 1900 รหัสรุ่น Lohner ซึ่งทางองค์การนาซ่าได้นำรถรุ่นนี้ไปศึกษาการออกแบบข้อมูลเบื้องต้นสำหรับยาน Lunar Rover ที่ส่งไปลงไปสำรวจบนดวงจันทร์
ในปีค.ศ. 1897 รถยนต์ไฟฟ้าได้นำไปทำธุรกิจเป็นครั้งแรกโดยเป็นรถแท็กซี่ในกรุงนิวยอร์คผลิตสร้างโดยบริษัท The Electric Carriage and Wagon Company of Philadelphia และเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม ปี ค.ศ. 1899 Jacob German คนขับแท็กซี่ในนิวยอร์ควัย 26 ปีทำสถิติความเร็วสูงสุดเป็นครั้งแรกด้วยรถยนต์ไฟฟ้าที่ความเร็ว 12 ไมล์ต่อชั่วโมง แต่ถูกตำรวจจับเนื่องจากทำความเร็วเกินกำหนดโดยในยุคนั้นมีข้อจำกัดความเร็วรถยนต์ในช่วงทางตรงไม่เกิน 8 ไมล์ต่อชั่วโมงและไม่เกิน 4 ไมล์ต่อชั่วโมงในช่วงทางโค้ง Jacob German ได้กลายเป็นคนขับรถที่ทำความเร็วเกินกำหนดเป็นคนแรกของสหรัฐอเมริกา
คนขับรถที่ทำความเร็วเกินกำหนดคนแรกของโลกเป็นชาวอังกฤษ Walter Arnold ขับรถม้าทำความเร็วกว่า 2 ไมล์ต่อชั่วโมงในเขตจำกัดความเร็วไม่เกิน 2 ไมล์ต่อชั่วโมงเมื่อวันที่ 28 มกราคม ปี ค.ศ. 1896 ถูกจับปรับเป็นเงิน 1 ชิลลิ่ง ส่วนกรณี “เมาไม่ขับ” George Smith เป็นคนเมาที่ถูกจับขณะขับรถเป็นคนแรกของโลกโดยขี่รถม้าไปชนข้างตึกที่กรุงลอนดอนเมื่อวันที่ 10 กันยายน ปี ค.ศ. 1897 ถูกจับปรับเป็นเงิน 25 ชิลลิ่ง
“ นิวยอร์ค” เป็นเมืองแรกในสหรัฐอเมริกาได้ผ่านกฎหมาย “เมาไม่ขับ” เมื่อปี ค.ศ. 1910