By : C. Methas – Managing Edition
ปีค.ศ. 1907 มีการจัดการแข่งขันแรลลี่หฤโหดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกในรายการปักกิ่ง-ปารีส แรลลี่ซึ่งเป็นการแข่งรถข้ามทวีป ค่ายอิตาล่าได้ส่งรถแข่งเข้าร่วมแข่งขัน วางเครื่องยนต์ ขนาด 7,433 ซีซี. ให้แรงม้า 35/45 แรงม้าและสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จขับโดย Count Scipione Borghese
จากการคว้าแชมป์ได้ในรายการดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ของอิตาล่าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่คิดค้นเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบวาล์วแปรผันแบบ Sleeve valve แบบโรตารี่ที่เริ่มใช้ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งได้นำไปใช้กันอย่างกว้างขวาง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ค่ายอิตาล่าได้สร้างเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
รถยนต์ที่โด่งดังในยุคแรกของอิตาล่าเป็นรุ่น Tipo 50 วางเครื่องยนต์ให้แรงม้า 25/35 แรงม้า ขนาด 4,426 ซีซี. จากปีค.ศ. 1924 เป็นต้นไปพวกเขาได้รับการแต่งตั้งจาก Giulio Cesare Cappa ให้เป็นผู้จัดการทั่วไปของเฟี๊ยต
เขาได้สร้างรถยนต์ขึ้นใหม่ รุ่น Tipo 61 วางเครื่องยนต์แบบ 7 ลูกสูบผลิตจากอัลลอยซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดีและแล้วได้ย้อนกลับมาสู่การสร้างรถแข่งอีกครั้งโดยสร้างรถแข่งใหม่รุ่น Tipo 11 ซึ่งเป็นรถแข่งสมรรถนะสูง ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
รถแข่งรุ่น Tipo 11 วางเครื่องยนต์ แบบ วี-12 สูบติดซูเปอร์ชาร์จ ขนาด 1,050 ซีซี. ระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่รถรุ่นนี้ไม่ได้ถูกส่งลงแข่งขัน ต่อมาในปีค.ศ. 1928 ได้ส่งลงแข่งขันในศึกเลอ มังส์ 24 ชั่วโมงสามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จในประเภท 2 ลิตร
นอกจากนี้ยังได้สร้างรถแข่งสำหรับลงแข่งขันในรายการกรังด์ปรีซ์โดยเป็นรถรุ่นที่ผลิตในปีค.ศ. 1907 รุ่น Model 36/45 สร้างขึ้นที่โรงงานในเมืองโตริโน่, อิตาลี ลงขับโดย Henri Fournier ในการแข่งขันที่ยุโรป ต่อมาเขาได้ซื้อรถรุ่นนี้มาลงแข่งขันในรายการยูเอส. กรังด์ปรีซ์ที่ซาวันน่า, สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคม ปีค.ศ. 1907 และเข้าเส้นชัยในอันดับ 8
ปีค.ศ. 1929 บริษัทถูกซื้อกิจการไปโดยผู้ผลิตรถบรรทุก Officine Metallurgiche di Tortona ซึ่งได้สร้างรถยนต์ออกมาเพียงไม่กี่คันซึ่งได้ผลิตรถยนต์ถึงปีค.ศ. 1935 ก่อนที่จะขายต่อไปให้กับค่ายเฟี๊ยต
By : C. Methas - Managing Edition
ปีค.ศ. 1907 มีการจัดการแข่งขันแรลลี่หฤโหดขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกในรายการปักกิ่ง-ปารีส แรลลี่ซึ่งเป็นการแข่งรถข้ามทวีป ค่ายอิตาล่าได้ส่งรถแข่งเข้าร่วมแข่งขัน วางเครื่องยนต์ ขนาด 7,433 ซีซี. ให้แรงม้า 35/45 แรงม้าและสามารถคว้าแชมป์ได้สำเร็จขับโดย Count Scipione Borghese
จากการคว้าแชมป์ได้ในรายการดังกล่าวส่งผลให้ยอดขายรถยนต์ของอิตาล่าพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วและส่งผลให้บริษัทเติบโตต่อเนื่อง
นอกจากนี้ยังเป็นผู้ที่คิดค้นเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบวาล์วแปรผันแบบ Sleeve valve แบบโรตารี่ที่เริ่มใช้ในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งได้นำไปใช้กันอย่างกว้างขวาง ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 นอกจากนี้ค่ายอิตาล่าได้สร้างเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบินแต่ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก
รถยนต์ที่โด่งดังในยุคแรกของอิตาล่าเป็นรุ่น Tipo 50 วางเครื่องยนต์ให้แรงม้า 25/35 แรงม้า ขนาด 4,426 ซีซี. จากปีค.ศ. 1924 เป็นต้นไปพวกเขาได้รับการแต่งตั้งจาก Giulio Cesare Cappa ให้เป็นผู้จัดการทั่วไปของเฟี๊ยต
เขาได้สร้างรถยนต์ขึ้นใหม่ รุ่น Tipo 61 วางเครื่องยนต์แบบ 7 ลูกสูบผลิตจากอัลลอยซึ่งประสบความสำเร็จด้วยดีและแล้วได้ย้อนกลับมาสู่การสร้างรถแข่งอีกครั้งโดยสร้างรถแข่งใหม่รุ่น Tipo 11 ซึ่งเป็นรถแข่งสมรรถนะสูง ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า
รถแข่งรุ่น Tipo 11 วางเครื่องยนต์ แบบ วี-12 สูบติดซูเปอร์ชาร์จ ขนาด 1,050 ซีซี. ระบบช่วงล่างแบบอิสระทั้งด้านหน้าและด้านหลัง แต่รถรุ่นนี้ไม่ได้ถูกส่งลงแข่งขัน ต่อมาในปีค.ศ. 1928 ได้ส่งลงแข่งขันในศึกเลอ มังส์ 24 ชั่วโมงสามารถคว้าแชมป์ไปครองได้สำเร็จในประเภท 2 ลิตร
นอกจากนี้ยังได้สร้างรถแข่งสำหรับลงแข่งขันในรายการกรังด์ปรีซ์โดยเป็นรถรุ่นที่ผลิตในปีค.ศ. 1907 รุ่น Model 36/45 สร้างขึ้นที่โรงงานในเมืองโตริโน่, อิตาลี ลงขับโดย Henri Fournier ในการแข่งขันที่ยุโรป ต่อมาเขาได้ซื้อรถรุ่นนี้มาลงแข่งขันในรายการยูเอส. กรังด์ปรีซ์ที่ซาวันน่า, สหรัฐอเมริกาเมื่อเดือนมีนาคม ปีค.ศ. 1907 และเข้าเส้นชัยในอันดับ 8
ปีค.ศ. 1929 บริษัทถูกซื้อกิจการไปโดยผู้ผลิตรถบรรทุก Officine Metallurgiche di Tortona ซึ่งได้สร้างรถยนต์ออกมาเพียงไม่กี่คันซึ่งได้ผลิตรถยนต์ถึงปีค.ศ. 1935 ก่อนที่จะขายต่อไปให้กับค่ายเฟี๊ยต
